Author name: content

เลย์แสตคส์ ขอท้าให้ลอง!! กับกิจกรรม #LaysStaxTrustYourTongueChallenge เพราะลองเอง ถึงจะรู้!

เลย์แสตคส์ ขอท้าให้ลอง!! กับกิจกรรม
#LaysStaxTrustYourTongueChallenge เพราะลองเอง ถึงจะรู้!

มาร่วมลุ้นเป็น 20 ผู้โชคดี ร่วม Exclusive Event กับ Billkin x PP Krit กันนะคะทุกคน โดยมีกติการ่วมสนุกง่ายๆเลยนะคะ จะต้องทำอย่างไรกันบ้าง ตามมาดูไปพร้อมๆกันเลยค่ะ

 

 

กติการ่วมสนุกง่ายๆ

– เพียงซื้อ Lay’s STAX รสชาติใด ขนาดใดก็ได้ มูลค่ารวม 99 บาทขึ้นไป
– ถ่ายรูปกับ Lay’s STAX ให้สนุกที่สุด
– โพสต์รูปลง Facebook ตั้งค่าเป็นสาธารณะ
– พร้อมเขียนแคปชั่นบอก “ความชอบ และชวนเพื่อนๆมาลอง” Lay’s STAX
– พร้อมติด #LaysStaxTrustYourTongueChallenge

เพียงทำตามกติกาง่ายๆด้านบนเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็รอลุ้นกันอย่างเดียวเลยนะคะ ภาพใครที่โดนใจคณะกรรมการที่สุด จำนวน 20 ภาพ ก็จะได้เข้าร่วม Exclusive Event กันเลยค่ะ

 

 

สำหรับกิจกรรมดีๆครั้งนี้ สามารถร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ – 20 พ.ค. 2566 นี้เลยนะคะ

ประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 22 พ.ค. 2566 ผ่านช่องทางfacebook : LaysThailand ค่ะ

 

 

#PPBKxLaysStax
#LaysStaxTrustYourTongueChallenge #เลย์สแตคส์ #กรอบที่ใช่อร่อยเต็มรสชาติ

เงื่อนไขกิจกรรม

1. ระยะเวลากิจกรรมตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 2566 – วันที่ 20 พ.ค. 2566 เวลา 23:59 น.
2. ผู้ร่วมกิจกรรมจะต้องซื้อ Lay’s STAX รสชาติใด ขนาดใดก็ได้ มูลค่ารวม 99 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จผ่านร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ
3. โดยผู้ร่วมกิจกรรมจะต้องเก็บใบเสร็จเพื่อยืนยันตัวตนและเป็นหลักฐานในการเข้างาน
4. สิทธิ์ในการเล่นกิจกรรมจำกัด 1 ใบเสร็จ ต่อ 1 โพสต์ ต่อ 1 บัญชีรายชื่อผู้ใช้เฟสบุ้คเท่านั้น
5. โพสต์ที่จะได้รับการพิจารณาจะต้องปฎิบัติตามกติกาอย่างครบถ้วน และไม่มีการลบ แก้ไข เปลี่ยนแปลงข้อความในโพส (edit post) ไม่ว่าส่วนหนึ่ง ส่วนใด หรือทั้งหมด
6. ประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 22 พ.ค. 2566 ผ่านช่องทางfacebook : LaysThailand เวลา 18:30 น.
7. ผู้โชคดีจะต้องติดต่อรายงานตัวทางข้อความ ในช่องทางfacebook : LaysThailand ภายในวันที่ 23 พ.ค. 2566 เวลา 18:30 น.
8. หากไม่มีการยืนยันสิทธิ์มายังช่องทาง และภายในวันและเวลาที่กำหนด จะถือว่าเป็นการสละสิทธิ์ในการรับรางวัลโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
9. ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการรับสิทธิ์เข้างานด้วยตนเองเท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรางวัลเป็นเงินสดหรือรางวัลอื่นๆ และไม่สามารถโอนสิทธิ์การรับรางวัลให้ผู้อื่นได้
10. ผู้ร่วมกิจกรรมต้องเป็นเจ้าของรูปภาพหรือข้อความที่นำมาโพสต์เท่านั้น หากมีการโต้แย้งสิทธิในความเป็นเจ้าของของรูปภาพหรือข้อความที่ใช้ร่วมกิจกรรมไม่ว่าในกรณีใด ผู้จัดกิจกรรมสงวนสิทธิ์ในการตัดสิทธิ์การรับรางวัลทันที
11. บริษัทผู้จัดกิจกรรมและตัวแทนจะมีการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อวัตถุประสงค์ในการตัดสินรางวัลและประกาศรางวัลในกิจกรรมนี้หากท่านเป็นผู้ชนะ หากท่านไม่ยินยอม โปรดระงับการร่วมกิจกรรมนี้ตั้งแต่ต้น
12. การตัดสินและการใช้ดุลพินิจของบริษัทฯ และคณะกรรมการ ถือเป็นเด็ดขาดและสิ้นสุดในทุกกรณี ไม่สามารถฟ้องร้องดำเนินคดี หรือเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ กับทางบริษัทฯ ได้
ผู้ร่วมกิจกรรมไม่สามารถเรียกร้องค่าตอบแทน, ค่าเสียหาย หรือสิ่งใด ๆ จาก บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จํากัด ไม่ว่าทางแพ่ง หรือทางอาญา

และยังมีอีกหนึ่งเรื่องดีๆมานำเสนอกันในบทความนี้นะคะ นั่นก็คือ ตอนนี้ Lay’s STAX ได้เปิดตัวน้องใหม่มาอีกหนึ่งรสชาติแล้วนะคะ นั่นก็คือ “เลย์สแตคส์ รสมะนาวจี๊ดจ๊าด”

 

ยินดีต้อนรับ! น้องใหม่ตัวจี๊ด “เลย์สแตคส์ รสมะนาวจี๊ดจ๊าด” เข้าสู่ Lay’s STAX Family นะคะ ใครอยากลองลิ้มรสชาติ มะนาวจี๊ดจ๊าด ถึงใจแบบสุดๆ ก็อย่าพลาดเด็ดขาดเลยนะคะ ต้องหามาลองด่วนเลยค่ะ

 

* เลย์สแตคส์ รสมะนาวจี๊ดจ๊าด
* เปรี้ยวจี๊ดได้ใจตัดกับความเค็มกำลังดี รับรองว่าคำเดียวตื่น!
* มาพร้อมความกรอบที่ใช่ อร่อยเต็มรสชาติ ต้องลอง!

 

ขอบคุณที่มา : facebook  LaysThailand…

เริ่มแล้ว Lay’s Stax Trust Your Tongue Challenge

เริ่มแล้ว Lay’s Stax Trust Your Tongue Challenge

เลย์ สแตคส์ (Lay’s Stax) คือมันฝรั่งแผ่นเรียบที่เท่ากับทุกแผ่น บรรจุทั้งในรูปแบบกระป๋อง และถุงนะคะ โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคืออายุ 15 – 35 ปี มีหลากหลายรสชาติ ให้เลือกชิมกันเลยค่ะ

 

 

และตอนนี้มีกิจกรรมดีๆน่าสนใจมานำเสนอสำหรับ แฟนคลับเลย์ที่อยู่ในกรุงเทพเลยนะคะนั่นก็คือ Lay’s Stax Trust Your Tongue Challenge ได้แล้วค่ะ จะมีอะไรให้ทำกันบ้าง และจัดกิจกรรมกันที่ไหน ตามมาดูรายละเอียดกันดีกว่าค่ะ

 

 

มาลองชิมเลย์สแตคส์ที่ตู้ Lay’s Stax Vending Machine แล้วโหวตกันว่าคุณชอบเลย์สแตคส์แค่ไหน โชว์ผลโหวตแบบเรียลไทม์ให้รู้กันไปเลยว่าลองแล้วเลิฟจริง!

 

 

ใครเจอตู้เลย์สแตคส์ อย่าลืมมาร่วมชิม ร่วมโหวตกับเรา แค่โหวตก็รับไปทันที เลย์สแตคส์คนละ 1 กระป๋อง

 

 

เดินสายตลอดเดือนพฤษภา ให้คุณชิมทั่วกรุงเทพแล้ววันนี้ ประเดิมที่แรกอาทิตย์นี้ที่ Central Westgate อาทิตย์หน้าเจอกันที่ Siam Square!

 

 

💥 อย่าลืมติดตามกิจกรรมนี้ไว้ให้ดี แอบบอกไว้ก่อนว่า เราเตรียมเซอร์ไพรส์เอาไว้เด็ดมากกกกกก ❤️ จะเป็นใคร ยังไง ที่ไหน รอติดตามได้เลยยย 😉

#LaysStaxTrustYourTongueChallenge #เลย์สแตคส์ #กรอบที่ใช่อร่อยเต็มรสชาติ

ที่มา : https://www.facebook.com/107338969304650/posts/6253319464706539/…

5 เลย์รสชาติแปลก ๆ จากทั่วโลก

เชื่อว่า “เลย์” เป็นขนมคบเคี้ยวยอดฮิตของใครหลายคน แล้วคงจะได้เห็นกันแล้วว่าเลย์ชอบออกรสชาติใหม่ ๆ ให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลองอยู่เสมอ โดยในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป็นรสชาติที่อิงกับอาหารในประเทศ เช่น รสแกงเขียวหวาน รสเมี่ยงคำ รสต้มยำกุ้ง รสก๋วยเตี๋ยวเรือ เป็นต้น เรามาดูกันดีกว่าในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก “เลย์” ได้ออกรสชาติแปลก ๆ อะไรกันออกมาบ้าง

1. เลย์รสแตงกวา

เลย์รสชาติแตงกวานี้ขายที่ประเทศจีน ซึ่งมีคนออกมารีวิวว่ารสชาติอร่อย สามารถกินเพลิน ๆ ได้ ให้ความรู้สึกเหมือนเคี้ยงแตงกวาจริง ๆ

2. เลย์รสคาปูชิโน่

นับว่าเป็นรสชาติที่คาดไม่ถึงเช่นกัน สำหรับการนำรสชาติของกาแฟมาเป็นขนมคบเคี้ยว ในตอนที่ออกรสชาตินี้มาครั้งแรกก็มีกระแสต่อต้านและล้อเลียนออกมามากพอสมควรเช่นกัน

3. เลย์รสผักชีลาวและแตงกวา

ใครที่เป็นคนชื่นชอบผักชีและแตงกวา พลาดไม่ได้กับรสชาตินี้ที่ออกมาเอาใจสายเขียว ซึ่งรสชาตินี้มีจำหน่ายที่รัสเซีย

4. เลย์รสบลูเบอร์รี่

เลย์รสชาตินี้ก็นับว่าเป็นรสชาติที่แปลกใหม่มาก และไม่สามารถจินตนาการรสชาติออกมาได้เลย โดยเลย์รสบลูเบอร์รี่นี้มีขายในประเทศจีน

5. เลย์รสวาฟเฟิลและไก่ทอด

เป็นเลย์อีกหนึ่งรสชาติจากสหรัฐอเมริกาที่ได้รับเสียงวิพากษวิจารณ์เป็นอย่างมาก สำหรับความไม่เข้ากันของรสชาติ แต่ก็ยังมีคนอีกส่วนหนึ่งที่บอกว่าอร่อยเช่นกัน

 …

สายพันธุ์มันฝรั่งที่ “เลย์” ใช้ผลิตมันฝรั่งทอดกรอบ

นับเป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปีแล้วที่เลย์เข้าครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากถึง 75% หรือ 3 ใน 4 ของตลาดขนมขบเคี้ยวเลยนะคะ ซึ่งตลาดขนมขบเคี้ยวในไทยนั้นมีมูลค่ามากถึง 3.6 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ เลย์ยังเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดมันฝรั่งทอดกรอบอีกด้วยนะคะ

 

 

แต่รู้หรือไม่คะ ว่ากว่าจะออกมาเป็นมันฝรั่งทอดกรอบแผ่นๆให้เราได้ชิ้มลองกันนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะคะ เริ่มตั้งแต่ความท้าทายในการปลูกมันฝรั่งกันเลยทีเดียวค่ะ เนื่องจากมันฝรั่งเป็นพืชที่เติบโตได้ดีในสภาพอากาศเย็น ตั้งแต่ 14-18 องศาเซลเซียสในตอนกลางคืน และ 24-26 องศาเซลเซียสในตอนกลางวัน ดังนั้นในไทยจึงปลูกได้แค่เฉพาะในบริเวณภาคเหนือ และบางส่วนของภาคอีสานเท่านั้นค่ะ และนอกจากสภาพอากาศแล้ว ยังต้องมีการคัดเลือกสายพันธุ์มันฝรั่งอีกด้วย เพราะมันฝรั่งที่สามารถนำมาทอดกรอบได้ จะต้องเป็นสายพันธุ์โรงงานเท่านั้นค่ะ

 

 

ส่วนฤดูกาลในการปลูกมันฝรั่งในประเทศไทย โดยหลักๆ จะเป็นช่วงฤดูแล้ง คือตั้งแต่เดือน พ.ย.- ธ.ค. และเก็บเกี่ยวในเดือน ก.พ. – มี.ค. ส่วนฤดูรองจะเป็นช่วง พ.ค. – ก.ค. และเก็บเกี่ยวในเดือน ส.ค. – ต.ค. ของทุกปีนั่นเองค่ะ

 

 

ในกระบวนการปลูกมันฝรั่งนั้น เกษตรกรจะต้องใส่ใจรายละเอียดตั้งแต่เริ่มเตรียมไถหน้าดิน เอาหัวเมล็ดพันธุ์ลงดิน การรดน้ำ ใส่ปุ๋ย การใช้เทคโนโลยีทางการเกษตร เช่น การขุดร่องน้ำ การทำระบบน้ำหยด เพื่อให้ได้มันฝรั่งที่คุณภาพดี ในระยะเวลาประมาณ 90 วัน ก่อนเก็บเกี่ยวและส่งต่อไปยังโรงงานแปรรูปนะคะ

 

 

มันฝรั่งจัดเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจของเกษตรกรไทยก็ว่าได้นะคะ โดยในแต่ละปี ตลาดมันฝรั่งแปรรูปมีความต้องการมันฝรั่งถึง 1.5 แสนตัน และภาคเกษตรกรรมของไทยก็สามารถปลูกมันฝรั่งได้มากถึงปีละ 1 แสนตัน คิดเป็น 75% ของทั้งหมด นั่นทำให้มันฝรั่งกลายเป็นอีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจที่ทำรายได้ให้เกษตรกรไทยอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวนะคะ

ในทุกๆ ปี เลย์จะมีการรับซื้อมันฝรั่งจากเกษตรกรไทยไม่ต่ำกว่า 7 หมื่นตัน และยังส่งเสริมเกษตรกรให้ปลูกมันฝรั่งกว่า 3,500 ราย ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 22,000 ไร่ ใน 6 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา และตาก รวมถึงอีก 2 จังหวัดในภาคอีสาน ได้แก่ สกลนคร และนครพนมนั่นเองค่ะ

 

 

ปัจจุบันเลย์มีฐานการผลิตมันฝรั่งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และโรงงานที่จังหวัดลำพูน โดยกว่าจะออกมาเป็นเลย์แต่ละซองที่เราได้ทานกันนั้น หลังจากเก็บมันฝรั่งมาจากไร่แล้ว จะต้องผ่านอีกประมาณ 10 ขั้นตอนก่อนจะส่งออกไปยังร้านค้าปลีก-ส่ง และห้างสรรพสินค้านะคะ

การปลูกมันฝรั่งเพื่อป้อนเข้าโรงงานนั้น จะแตกต่างจากการปลูกมันฝรั่งเพื่อเป็นหัวพันธุ์ ที่“ขนาด” โดยการปลูกมันฝรั่งเพื่อป้อนเข้าโรงงานมันฝรั่งทอดกรอบนั้น จะปลูกเป็นพันธุ์ที่ใช้ทำอาหารทั่วไป หลากหลายพันธุ์ ขนาดที่ได้ จะต้องมีเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 4 เซนติเมตรครึ่ง ถึง 9 เซนติเมตรครึ่ง ถึงจะรับซื้อได้ในราคากิโลกรัมละ 10.60 – 14 บาท ซึ่งถือเป็นราคาประกันที่สูงกว่าราคาประกันขั้นต่ำที่รับบาลกำหนด

แต่หากเป็นหัวพันธุ์มันฝรั่งที่เลย์ใช้ในการผลิตมันฝรั่งทอดกรอบนั้น จะเป็นพันธุ์แอตแลนติก และพันธุ์ FL2215 กับ FL2207 ซึ่งเป็นพันธุ์ที่คิดค้นและวิจัยโดยเลย์นั่นเองค่ะ โดยจะมีปริมาณแป้งสูง ต้านทานโรค เมื่อปลูกได้ตามขนาดที่ต้องการแล้ว ราคาประกันที่เลย์ให้ อยู่ที่กิโลกรัมละ 21 บาท จะได้หัวพันธุ์ประมาณ 15 หัว ซึ่งเป็นปริมาณที่ดีเลยค่ะ

 

 

ส่วนอุปสรรคในการปลูกหัวพันธุ์มันฝรั่ง ก็เหมือนกับการปลูกพืชทั่วๆไป เช่นเรื่องของโรค เรื่องของแมลง แต่ที่เป็นปัญหาสำคัญของเกษตรกรที่ปลูกมันฝรั่งเลยคือ สภาพอากาศ เพราะมันฝรั่งเป็นพืชเมืองหนาว ยิ่งหนาวผลผลิตก็ยิ่งดี แต่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน จึงปลูกได้เฉพาะภาคเหนือ แต่ก็ใช่ว่าอากาศมันจะเป็นแบบเดิมทุกปี บางปีฝนตกหน้าหนาว ผลผลิตก็ไม่ได้คุณภาพ ราคาตก หรือไม่ก็นำไปขายเป็นอาหารให้วัวนมก็มีค่ะ

 

 

โดย คุณบุญศรี ใจเป็ง วัย 68 ปี เกษตรกรผู้ปลูกมันฝรั่งในอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของรางวัล “เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาพืชไร่ภาคเหนือ ปี 2553” กล่าวว่า “ผมลงทุนไปประมาณ 30,000 – 35,000 บาทต่อไร่ เมื่อปลูกหัวพันธุ์ส่ง หักต้นทุนแล้ว กำไรอยู่ที่หลักหมื่นบาทต่อไร่ แต่หากเป็นการปลูกเพื่อส่งโรงงานอาจจะลดหลั่นลงมาเหลือทุนที่ 24,000 – 30,000 บาท กำไรก็จะได้ประมาณ 8,000 – 14,000 บาทต่อไร่” กันเลยนะคะ

 

 

สรุปก็คือ เลย์จะใช้มันฝรั่งสายพันธุ์ แอตแลนติก และพันธุ์ FL2215 กับ FL2207 ในการผลิตมันฝรั่งทอดกรอบนะคะ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่คิดค้นและวิจัยโดยเลย์นั่นเองค่ะ…

หมดปัญหานิ้วเลอะ “เลย์” ไต้หวันปิ๊งไอเดีย คิดค้นเครื่องทำความสะอาดนิ้วมือ

หลายคนต้องเคยพบกับปัญหานี้กันใช่ไหมคะ นั่นคือเวลาทานขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ บนโต๊ะ หรือเตียงของเราแล้วนั้น จะเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือที่เลอะเทอะไปหมด ยิ่งบนหน้าจอโทรศัพท์คงไม่ต้องพูดถึงกันเลยค่ะ แต่หากจะต้องคอยเดินไปล้างมือทุกครั้งที่หยิบขนมมาทานคงจะไม่สะดวกแน่ๆเบนใ่ไหมคะ แต่ปัญหานี้ของทุกคนจะหมดไปทันทีหรือเปล่า มาลองดูรายละเอียดกันดีกว่าค่ะ โดยปลายปีที่แล้ว ปี 2565 เลย์ (Lay’s)ไต้หวัน ได้คิดค้นอุปกรณ์ที่จะมาแก้ปัญหานี้ให้ค่ะ นั่นก็คือ เครื่องทำความสะอาดนิ้วมือนั่นเองค่ะ ซึ่งเจ้าเครื่องนี้ ได้ถูกสร้างขึ้นโดยแบรนด์มันฝรั่งทอดเจ้าดังอย่าง “เลย์” และใช้ชื่อเจ้าเครื่องนี้ว่า “Lay’s Washing Finger Machine”นะคะ โดยเครื่องทำความสะอาดนิ้วมือนี้จะมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยม ขนาด 6 x 4.3 นิ้ว ออกแบบดีไซน์เหมือนถุงมันฝรั่งทอดกรอบ ที่เราทานกันอยู่ประจำนั่นเองค่ะ ซึ่งจะช่วยทำให้เราไม่ต้องมาหงุดหงิดกับรอยนิ้วมือเลอะ ๆ อีกต่อไปแล้วค่ะ

 

ส่วนการทำงานของเครื่องทำความสะอาดนิ้วมือนี้ ก็แสนจะเรียบง่ายมากเลยนะคะ ซึ่ง เมื่อเครื่องตรวจจับนิ้วมือของคุณแล้ว ตัวเครื่องจะพ่นละอองแอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อ โดยจะมีน้ำยาล้างทำความสะอาด แอบอยู่บริเวณถังรีฟิลด้านล่างของเครื่องนั่นเองค่ะ แต่เครื่องนี้ยังไม่ถูกวางจำหน่ายทั่วไปนะคะ เพราะตอนนี้มีผลิตขึ้นมาเพียง 5 เครื่องเท่านั้นเองค่ะ โดยเป็นผลงานการพัฒนาของ เลย์ในไต้หวัน โดยได้มีการประเมินว่าเจ้าเครื่องนี้อาจมีราคาสูงถึง 25,000 บาทกันเลยทีเดียวนะคะ

 

 

เมื่อทราบราคาเครื่องขนาดนี้แล้ว คงต้องตัดสินใจกันให้ดีแล้วนะคะ ว่าจะซื้อมาลองใช้ หรือจะกลับไปล้างมือที่อ่างล้างมือ หรือเลือกใ้พวกทิชชูเปียกเหมือนเดิมจะดีกว่าหรือเปล่า แต่ก็ถือว่าเป็นอีกนวัตกรรมของสิ่งประดิษฐ์ที่จัดได้ว่าสร้างสรรค์เลยทีเดียวนะคะ

ที่มา : https://designtaxi.com/news/420033/Lay-s-Debuts-Washing-Machine-To-Clean-Your-Fingertips-Post-Snack/

Tag : เลย์ เครื่องทำความสะอาดนิ้วมือ…

เลย์ห่วงใยสุขภาพผู้บริโภคเลือกใช้นํ้ามันรำข้าวบริสุทธิ์

น้ำมันรำข้าว เป็นน้ำมันที่สกัดจาก เมล็ดข้าว หรือส่วนที่เรียกว่า รำ นำมาผ่านกระบวนการผลิตเพื่อให้ใช้เป็นน้ำมันประกอบอาหารได้ น้ำมันรำข้าว กำลังดังไปทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจดูแลสุขภาพ เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการและมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพและอุดมไปด้วยสารต้าน อนุมูลอิสระหลายชนิด ดังนั้นบริษัท เป๊ปซี่–โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ผู้จัดจำหน่าย เลย์ มันฝรั่ง ทอดกรอบ จึงเล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพของผู้บริโภค และกระแสอินเทรนด์รักสุขภาพ ให้สมกับเป็นทางเลือก ของคนรุ่นใหม่ ด้วยการเลือก ใช้น้ำมันรำข้าวบริสุทธิ์นี้ด้วยเช่นกันนะคะ

 

 

อัลพานา ติตัส ผู้บริหารเลย์ กล่าวว่า น้ำมันรำข้าว สกัดมาจากเยื่อน้ำตาลที่ห่อหุ้มเมล็ดข้าวที่ได้จากกระบวน การสีข้าว ที่เรียกว่า “รำข้าว” ซึ่งเป็นส่วนประกอบเพียง 7-8% ของข้าว แต่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด และมีสารสำคัญที่สุดคือโอรีซานอล สารธรรมชาติที่พบเฉพาะในน้ำมันรำข้าวเท่านั้น ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่า วิตามินอี ถึง 6 เท่า นอกจากนี้ยังมีกรดโอเลอิค หรือโอเมก้า-9 ช่วยลดคอเลสเทอรอลที่ไม่ดี ลดไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

 

ผู้บริหารเลย์กล่าวต่อว่า เลย์ใส่ใจต่อสุขภาพของผู้บริโภค จึงเปลี่ยน จากการทอดมันฝรั่งด้วยน้ำมันปาล์มมาเป็นน้ำมันรำข้าวบริสุทธิ์แทน ตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งทำให้ลดปริมาณไขมันอิ่มตัวลง 50% เมื่อเทียบกับมันฝรั่งทอดสูตรปกติ เนื่องจากน้ำมันรำข้าวมีไขมันอิ่มตัวน้อย เมื่อเทียบกับน้ำมันชนิดอื่น น้ำมันรำข้าวยังมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการทนต่อความร้อนสูง จึงใช้ทอดได้ดี และเป็นน้ำมันที่มีจุดเกิดควันสูง ซึ่งจุดเกิดควันคือ อุณหภูมิที่น้ำมันเริ่มกลายเป็นควัน ทำให้เกิดการเสื่อมสลายคุณค่าทางโภชนาการ และกลิ่น รส และการเกิดควันน้ำมันในการประกอบอาหาร อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ น้ำมันรำข้าวจึงเป็นที่นิยมในการใช้ประกอบอาหาร เพราะไม่มีกลิ่น ไม่มีรส และดีต่อสุขภาพด้วยนั่นเองค่ะ

 

 

น้ำมันรำข้าว” หนึ่งในน้ำมันที่ได้รับความนิยมในการนำไปปรุงอาหารทั่วโลก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับกรรมวิธีการทอดหรือผัด เนื่องจากช่วยรักษาคุณภาพทางโภชนาการในอาหารได้ แม้จะถูกความร้อนสูงๆ ก็ตาม แถมยังมีความหนืดน้อยทำให้อาหารไม่มัน นอกจากนั้นยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายอีกด้วยนะคะ

ประโยชน์ของ น้ํามันรําข้าว ที่ต้องรู้

1. ในน้ำมันรำข้าวมีสารโอไรซานอล ที่ช่วยเข้าไปต้านการอักเสบภายในร่างกาย ป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคหัวใจ เป็นต้น
2. น้ำมันรำข้าว มีสารโทโคไตรอีนอล ที่ช่วยปกป้องเซลล์ภายในร่างกาย ไม่ให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้
3. น้ำมันรำข้าวมีแคลอรี่ต่ำ เเละเต็มไปด้วยไขมันดี ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้
4. น้ำมันรำข้าวช่วยลดน้ำหนัก เพราะนอกจากในน้ำมันรำข้าวจะมีแคลอรี่ที่ต่ำเเล้ว ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วย มีส่วนช่วยทำให้การเผาผลาญในร่างกายดีขึ้น เหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก
5. น้ำมันรำข้าว ประโยชน์ ช่วยคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานได้
6. น้ำมันรำข้าว ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน มีสรรพคุณช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส ที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดโรคต่างๆ เเละทำให้ร่างกายอ่อนแอได้
7. น้ำมันรำข้าว ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ภายในร่างกาย เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยชะลอวัยเเละลดริ้วรอยได้อีกด้วย
8. น้ำมันรำข้าว มีประโยชน์ช่วยบำรุงผิวพรรณ ในน้ำมันรำข้าว มีสาร สควาลีน ที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงที่ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่น ผิวนุ่มเเละมีความยืดหยุ่นดี
9. น้ำมันรำข้าวช่วยป้องกันผิวจากเเสง UV ได้
10. น้ํามันรําข้าว ประโยชน์ ช่วยดับกลื่นปากเเละกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ เเละยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพในช่องปาก
11. น้ำมันรำข้าว ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ในน้ำมันรำข้าว มีสาร โอไรโซนอลที่ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี นักกีฬาประเภทที่ต้องใส่กล้ามเนื้อจึงนิยมทานอาหารที่ใช้น้ำมันรำข้าว
12. น้ำมันรำข้าวช่วยลดอาการท้องผูกได้ น้ำมันรำข้าวมีใยอาหาร ที่จะช่วยลดอาการท้องอืด เเละช่วยสร้างสมดุลของระบบทางเดินอาหารเเละระบบขับถ่ายได้ดี
13. น้ำมันรำข้าวช่วย บำรุงระบบประสาทเเละสมอง
14. ในน้ำมันรำข้าว มีกรดไลโนเลอิก มี่ช่วยให้ร่างกายกระตุ้นการดูซับกรดอะมิโน่ไปใช้ได้ดีขึ้น ส่งผลให้ระบบประสาทเเละสมองได้รับสารอาหารที่มากขึ้น เเละในน้ำมันรำข้าวยังมีวิตามินบี โอเมก้า 3,6 เเละ 9 ที่ช่วยเสริมสร้างเซลล์สมอง ให้มีความจำที่ดีขึ้น
15. น้ำมันรำข้าว ช่วยบำรุงสายตาให้ดีขึ้น
16. ในน้ำมันรำข้าวมีสารแคโรทีนนอยด์ ที่ช่วยรักษารักษาระบบสายตา ให้มองเห็นได้ชัดขึ้น ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียที่ตา เหมาะกับผู้ที่จ้องคอมเป็นเวลานาน
17. น้ำมันรำข้าว ช่วยบำรุงผมและเล็บให้แข็งแรง เพราะในน้ำมันรำข้าวมีสารแคโรทีนอยด์ ช่วยบำรุงผมเเละเล็บให้แข็งแรง

 

 

ข้อควรระวังในการใช้น้ำมันรำข้าว

1. หากผู้ที่มีอาการเเพ้ จะมีอาการเช่น รู้สึกไม่สบายท้อง มีแก๊สในกระเพาะ ลำไส้ เกิดผื่นเเดงหรืออาการคันได้
2. ผู้ที่ปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหาร หรือเป็นแผลในกระเพราะอาหาร ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันรำข้าว…

ทำไมในถุงขนมขบเคี้ยว เลย์ ต้องมี “ลม” เยอะ

มันฝรั่งทอดนับว่าเป็นขนมยอดฮิตที่ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องเคยทาน เพราะเป็นขนมที่ทานง่าย และทานได้แทบจะทุกโอกาสกันเลยนะคะ และเมื่อพูดถึงขนมมันฝรั่งทอดกรอบ แน่นอนว่าชื่อที่เรานึกถึงจะต้องมี “ เลย์ “ อยู่ด้วยแน่นอนเลยใช่ไหมคะ และคงมีหลายคนสงสัยแน่ๆเลยค่ะ ว่าทำไมส่วนใหญ่ถุงของพวกขนมขบเคี้ยวต่างๆนั้น ถึงมีลมอยู่เยอะมาก เต็มถุงกันเลยทีเดียว รวมถึงมันฝรั่งทอดกรอบของ เลย์ ด้วยนะคะ บทความนี้มีคำตอบมาให้ค่ะ ว่าทำไมในถุงขนมขบเคี้ยว เลย์ ต้องมี “ลม” เยอะ ตามมาดูคำตอบกันเลยดีกว่านะคะ แต่ก่อนอื่นเลยเรามาดูขั้นตอนต่างๆก่อนจะมาเป็นมันฝรั่งทอดกรอบแสนอร่อยอยู่ในถุงพร้อมเสริฟกันก่อนนะคะ

 

 

สำหรับ เลย์ นั้น หัวใจสำคัญของการผลิตมันฝรั่งทอดกรอบ ก็คือ เลือกมันฝรั่งที่มีคุณภาพเป็นสายพันธุ์ที่ดี สิ่งสำคัญ คือ ต้องเป็นพันธุ์ที่มีแป้งเยอะๆ เพราะเมื่อไหร่ที่มีน้ำตาลเข้าสู่สายการผลิต แผ่นมันฝรั่งอาจมีสีน้ำตาลระเรื่อๆ คล้ายผ่านการทอดไหม้ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่  สีน้ำตาลเรื่อๆที่เห็นนั้น เกืดจากการที่มันฝรั่งยังเปลี่ยนน้ำตาลมาเป็นแป้งไม่หมดนั่นเองนะคะ

 

 

 

โดยปกติแล้ว ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จะมีมันฝรั่งสดที่ปลูกในไทยส่งเข้ามาสู่สายพานการผลิต แต่บางช่วงไม่มีมันฝรั่งสด อาจต้องใช้มันฝรั่งที่สต๊อกไว้ ซึ่งรักษาคุณภาพไว้ในห้องเย็นจำนวนหลายพันตัน ซึ่งบางส่วนเป็นการสั่งนำเข้ามาจากต่างประเทศ และเมื่อได้มันฝรั่งมาแล้ว จะถูกทำความสะอาดก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นทางห้องเย็นจะทำการตรวจวัดปริมาณแป้งของมันฝรั่งล็อตนั้นๆ ก่อนเข้าสู่โรงงาน ลำเลียงสู่สายการผลิต และล้างมันฝรั่งอีกรอบ ขั้นตอนนี้ จะมีการคัดแยกสิ่งแปลกปลอมได้ด้วย หลังจากนั้นมันฝรั่งจะผ่านไปตามท่อ น้ำที่ใช้จะถูกรีไซเคิลกลับไป เนื่องจากมีการควบคุมในการใช้อย่างเข้มงวด หลังขั้นตอนการล้าง เข้าสู่ขั้นตอนการปอกเปลือก โดยเครื่องจักรแบบปิด เป็นการปอกเปลือกบางๆที่ผิว จากนั้นผ่านการคัดขนาด มันฝรั่งที่มีขนาดใหญ่ จะผ่านเครื่องตัด ซึ่งอาจมีรอยช้ำบ้าง มีตำหนิบ้าง ถึงตรงนี้ ถึงจะใช้พนักงานคอยคัดตัดแต่งอีกรอบหนึ่ง

 

 

จากนั้น จึงสู่จุดเปลี่ยนว่าจะผลิตเลย์ ชนิดแผ่นแบบไหน เพราะมีเครื่องตัดทั้งแบบ แผ่นหยัก แผ่นเรียบ บิสกิต ซึ่งจะตั้งต้นที่ขั้นตอนการหั่นความหนาแต่ละอันต่างกัน และส่งไปยังขั้นตอนถัดไป ซึ่งจะต่างกันด้วย อุณหภูมิเวลาและเวลาที่ใช้ในการทอดนะคะ

 

 

โดยเครื่องตัดมันฝรั่งจะเปลี่ยนใบมีดทุก 90 นาที เพราะใบมีดต้องคมที่สุด หากไม่คมแล้ว หั่นแล้วจะทำให้มีการอมน้ำมัน จากนั้นผ่านขั้นตอนการล้างอีกรอบ เพื่อเอาแป้งที่ผิวออก ขั้นตอนนี้ต้องมีการควบคุมความชื้นอีกรอบ ก่อนเข้าสู่เตาทอด เพราะน้ำมีผลต่อคุณภาพของน้ำมัน หากลงไปในเตาทอดแล้ว จะเกิดปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น ทำให้คุณภาพน้ำมันลดต่ำลง นั่นเองค่ะ

ถัดมาเป็นเรื่องของน้ำมัน ขณะนี้ เลย์ ใช้น้ำมันรำข้าว ทอดแทนน้ำมันปาล์มแล้ว เหตุผล คือ เรื่องของคุณภาพ เนื่องจากน้ำมันรำข้าว มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงในกลุ่มวิตามินอี เป็นสารกันหืนในตัวเอง ช่วยในเรื่องของการต่อต้านอนุมูลอิสระ การดูดซึมคอเลสเตอรอลชั้นเลว เยอะกว่าวิตามินอี ถึง 6 เท่า หลังจากผ่านขั้นตอนการทอดแล้วนั้นก็จะเติมเกลือ และเครื่องปรุงรสชาติต่างๆ ต่อไป

 

 

สำหรับขั้นตอนการทอด ใช้เตาระบบปิด มีใบพัดลำเลียง มันฝรั่ง จะถูกพาออกมาเป็นก้อน  ขึ้นมาพร้อมๆกัน ก่อนจะมาเจอกับเครื่องวัดความชื้น เมื่อไหร่ก็ตามที่ความชื้นสูงหรือต่ำกว่าที่กำหนดไว้ในสเปก เครื่องจะส่งสัญญาณเข้าไปในเตาทอด ให้ทำการปรับความเร็วของสายพาน ให้ช้าลงหรือเร็วขึ้น แต่ถ้าปรับแล้ว ความชื้นยังไม่ได้ ขั้นตอนที่สอง เครื่องจะปรับอุณหภูมิขึ้นหรือลงโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ความชื้นอยู่ในมาตรฐานที่กำหนดไว้ แต่ถ้าไม่ได้ความชื้นตามมาตรฐานที่กำหนดอีก เครื่องจะเปิดประตูโดยอัตโนมัติ ทิ้งมันฝรั่งลงไปด้านล่าง จนกว่าจะกลับมาอยู่ในมาตรฐานอีกรอบหนึ่ง เครื่องถึงจะปิดอัตโนมัติ

หลังจากได้มันฝรั่งตามดีไซน์ ทั้งสี กลิ่น รส  ยังมีเทคโนโลยีคัดแยกอีกรอบนะคะ หลักการทำงานของเทคโนโลยีนี้ คือ จะมีสายตามองเหมือนกล้อง จับความผิดปกติ แล้วส่งสัญญาณไปที่คอมพิวเตอร์  จากนั้นคอมพิวเตอร์จะบอกว่า ขนาดแค่ไหน สีอย่างไร ถึงเรียกว่าตำหนิ แล้วก็คัดทิ้งออกไป แต่ตำหนิเหล่านี้ อาจมีโอกาสหลุดเข้าไปในซองได้อยู่เหมือนกัน เพราะแผ่นมันฝรั่งนั้น มีเป็นจำนวนมาก อาจมีโอกาสซ้อนทับกันอยู่ จนเครื่องไม่สามารถมองเห็นและตรวจจับได้ แต่เพื่อป้องกันความผิดพลาดในจุดนี้ จึงเพิ่มพนักงานเข้าไปในกระบวนการนี้หนึ่งคน เพื่อช่วยคัดกรองอีกชั้นหนึ่งนั่นเองค่ะ

 

 

อย่างไรก็ตาม สินค้าทุกล็อต จะต้องมีการสุ่มตัวอย่างอีกหนึ่งรอบ เพื่อดูว่าทุกอย่างอยู่ในสเปกหรือไม่ หลังจากนั้น จึงผ่านไปที่ห้องบรรจุถุงโดยเครื่องชั่งอัตโนมัติค่ะ

และแล้วก็มาถึงคำถามคาใจของผู้บริโภคหลายคนกันแล้วนะคะ ว่าทำไมขนมขบเคี้ยว มักมีถุงที่พองโตแต่พอเปิดออกกลับมีแต่ลม ส่วนขนมในถุงมักจะมีอยู่แค่นิดเดียว ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ของห่อด้วยซ้ำ โดยถ้าสังเกตให้ดีดีแล้ว  จะพบว่า ไม่ใช่มีแต่ “เลย์” เท่านั้นนะคะ ที่มีลมเยอะ ไม่ว่าขนมขบเคี้ยว ยี่ห้อไหนก็ต้องมีลมแบบนี้กันทั้งนั้นเลยค่ะ

 

 

ซึ่งในส่วนของ “เลย์” นั้น เกิดจากหลักการที่ว่า เครื่องบรรจุซองอัตโนมัติ จะทำงานด้วยสปีดที่เร็วมาก ร้อยกว่าซองต่อนาที เครื่องรุ่นใหม่ อาจขึ้นไปถึง 120 ซองต่อนาที และจังหวะเวลาขนมลงถุงสแน็กทุกตัวทำงานเหมือนกันหมด คือ เป็นการโปรยลงมา แต่ด้วยสปีดที่เร็วมาก หากไม่มี “เฮด สเปซ”หรือ ที่ว่างด้านบน ให้เลย เวลาเครื่องทำการซีลปากถุงและตัดไปห่อปั๊บ จะตัดโดนขนมเลย นั่นคือเหตุผลทำไมต้องมีลมด้านบนนั่นเองค่ะ อีกทั้งเวลาขนส่ง ถ้าไม่มีลม คนจะจับโดนหมด และมันจะแตก ทำให้คุณภาพลดต่ำลงไปได้อีกด้วยค่ะ

 

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ “เลย์” ใส่ลงไปในถุงนั้น ไม่ใช่อากาศปกตินะคะ แต่เป็นการใส่ “ก๊าซไนโตรเจน” หรือ “ก๊าซเฉื่อย”เข้าไปไล่ก๊าซออกซิเจน  เนื่องจากก๊าซเฉื่อย มีคุณสมบัติเป็นสารกันหืน ถ้าในถุงมีออกซิเจนแล้วจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาอ็อกซิไดต์ ซึ่งทำให้ขนมหืนเร็วนั่นเองค่ะ และนี่คือเหตุผลนะคะว่า ทำไมในถุงขนมขบเคี้ยว เลย์ ต้องมี “ลม” เยอะ นะคะ

 

 

ที่มา : https://www.sentangsedtee.com ,บริษัท เป๊ปซี่-โคลา (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด…

“เลย์แมกซ์” & เลย์ แมกซ์ เอ็กซ์ตร้า ครันช์ แบรนด์ขนมน้องใหม่จากเลย์

เลย์ มันฝรั่งแท้ทอดกรอบ ผลิตและจำหน่ายโดย บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด เปิดตัวแบรนด์ใหม่เอาใจวัยรุ่น “เลย์แมกซ์” มันฝรั่งทอดกรอบแผ่นหยักที่มาเติมความอร่อยแบบเต็มแมกซ์ พร้อมความหอม กรอบ เคี้ยวมันส์ และเข้มข้นถึงใจทุกร่องหยัก  โดยจับกระแสของอาหารและขนมรสชาติสุดเข้มข้น เพื่อพาผู้บริโภคพุ่งทะยานสู่ความอร่อยและความสนุกแบบเต็มแมกซ์นั่นเองค่ะ ใครยังไม่เคยลอง ต้องไปจัดกันเลยนะคะ โดย เลย์แมกซ์ นั้นเปิดตัวมาได้ประมาณ 2 ปีแล้วนะคะ

 

 

ในช่วงแรกๆ เลย์แมกซ์ ได้เปิดตัว 2 รสชาติสุดเข้มข้น

– “รสบาร์บีคิว พริกแซ่บซี้ด” ที่มาพร้อมความหอมของกลิ่นบาร์บีคิวโดนใจวัยมันส์

– “รสกูร์เมต์ ซาวครีมและหัวหอม” เข้มข้นด้วยซาวครีมพร้อมกลิ่นหัวหอม ที่หอมฟินยิ่งกว่าเดิม ซึ่งวางจำหน่ายแล้วเรียบร้อย

และมีแผนจะเปิดตัวอีกหนึ่งรสชาติ คือ”รสพริกปีศาจ” อร่อย เด็ด เผ็ด ซี้ด ทะลุปรอท ตามมานะคะ ซึ่งทำให้ตอนนี้ เลย์แมกซ์ มีถึง 3 รสชาตินั่นเองค่ะ

 

 

“เลย์แมกซ์ ไม่ใช่รสชาติใหม่ของเลย์ แต่คือผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว เพราะเลย์แมกซ์ คือมันฝรั่งทอดกรอบแผ่นหยัก ที่มาพร้อมรสชาติที่เข้มข้นกว่าที่เคย พร้อมจะช่วยปลุกคุณให้สนุกสุดมันส์ในทุกกิจกรรมระหว่างวัน ไม่ว่าจะระหว่างเรียน ทำงาน เล่นเกม รวมถึงความสนุกในโลกออนไลน์แม้อยู่คนเดียว ตรงกับคอนเซปต์ที่ว่า Maximum Taste, Maximum Enjoyment หรือ อร่อยสนุกได้เต็มแมกซ์ มาพร้อมรสชาติ กลิ่น และบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่น มีความต่างจากเลย์ที่เราชื่นชอบเห็นคุ้นตากันมาตลอดหลายปี เพราะเลย์มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้งนั่นเองค่ะ

เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่อยู่เสมอ โดยตอนนี้ได้วางจำหน่ายถึง 7 รสชาติแล้ว นั่นคือ

1. รสบาร์บีคิว พริกแซ่บซี้ด

2. รสกูร์เมต์ ซาวครีมและหัวหอม

3. รสพริกปีศาจ อร่อย เด็ด เผ็ด ซี้ด ทะลุปรอท

4. เลย์ แมกซ์ เอ็กซ์ตร้า ครันช์ รสไก่ทอด สไปซี่โคเรียน

 

5. เลย์ แมกซ์ เอ็กซ์ตร้า ครันช์ รสอูนางิย่าง ซอสญี่ปุ่น

6. เลย์ แมกซ์ เอ็กซ์ตร้า ครันช์ รสไก่ย่าง ยากิโทริ


7.  เลย์ แมกซ์ เอ็กซ์ตร้า ครันช์ รสปูผัดผงกะหรี่

 

โดย เลย์ นั้นตั้งใจพัฒนาผลิตภัณฑ์จนมั่นใจว่า ได้รสที่เผ็ดเข้มถูกใจวัยรุ่น สมตามชื่อรสอย่างแน่นอน ที่สำคัญ ทางแบรนด์ได้ทำการเลือกไบรท์และมิลลิมาเป็นตัวแทนรุ่นแรกในการสื่อสารกับผู้บริโภควัยรุ่น เพราะทั้ง 2 คนมีบุคลิกที่ชัดเจน ทั้งความซาบซ่าจัดจ้านของมิลลิ และความเท่แบบคูลๆ ของไบรท์ ที่สื่อถึงความเป็นตัวของตัวเองได้อย่างไม่ซ้ำใคร” อีกด้วยนะคะ

 

สำหรับการสื่อสารกับผู้บริโภคของ เลย์แมกซ์ จะมุ่งไปยังความสนใจหลักของกลุ่มวัยรุ่น ได้แก่ ดนตรี โดยจะมีเพลงและมิวสิควีดีโอ “To the Max” แสดงนำโดย 2 พรีเซนเตอร์ รวมถึงจะมีการจับมือกับแบรนด์ไทยชื่อดังในการทำไอเท็มพิเศษคอลเลคชั่นของเลย์แมกซ์ ในช่วงไตรมาสที่ 3 เพื่อจับกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบไลฟ์สไตล์แฟชั่นอีกด้วยค่ะ

ส่วนน้องใหม่ต่อจาก เลย์ แมกซ์ ก็คือ เลย์ แมกซ์ เอ็กซ์ตร้า ครันช์ โดยจุดเด่นของ “เลย์ แมกซ์ เอ็กซ์ตร้า ครันช์” เป็นมันฝรั่งแผ่นหยักลึกสีเข้มสะดุดตา กลิ่นหอมฟินแตะจมูกทันทีที่เปิดซอง และรสชาติจัดๆ โดนใจในทุกคำที่กัด ใช้คอนเซปต์ “อร่อยสนุกได้เต็มแมกซ์” ปัจจุบันชวนแฟนๆ ท้าลองความเข้มข้นกับแผ่นหยักทั้ง มีด้วยกัน 4 รสชาติให้เลือกนะคะ
– รสไก่ทอด สไปซี่โคเรียน
– รสอูนางิย่าง ซอสญี่ปุ่น
– รสไก่ย่าง ยากิโทริ
– รสปูผัดผงกะหรี่

 


พบกับ เลย์แมกซ์ และ เลย์ แมกซ์ เอ็กซ์ตร้า ครันช์ ได้ที่ร้านค้าทั่วไปและซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้า รวมถึงสามารถสั่งซื้อออนไลน์พร้อมรับโปรโมชั่นน่าสนใจได้ที่ Pepsico Official ,laysthailand.com , Shop บน Shopee, Lazada และ JD Central รวมถึง PandaMart วางจำหน่ายในขนาด 26 กรัม ราคา 10 บาท, 48 กรัม ราคา 20 บาท, 73 กรัม ราคา30 บาท และในรูปแบบกระป๋องขนาด 105 กรัม ราคา 55 บาท นะคะ…

รู้หรือไม่ ว่า เจ้าของเลย์ คือ เป๊ปซี่

หากซื้อมันฝรั่งทอดกรอบ เลย์ มากิน เมื่อพลิกหลังซองจะเห็นชื่อบริษัทที่ผลิต โดยจะเขียนว่าผลิตโดย บริษัท เป๊บซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด นะคะ ซึ่งสรุปแล้ว เลย์ กับ เป๊ปซี่ ที่แท้เป็นเจ้าของเดียวกันนั่นเองค่ะ

 

 

จริงๆแล้ว บริษัท PepsiCo เกิดจากการควบรวมกันระหว่าง Pepsi-Cola และ Frito-Lay ในปี 1965 ซึ่งต่อมาได้ขยายสินค้าในเครือมากมาย เช่น เมาเทนดิว เกเตอเรด เซเว่นอัพ มิรินด้า ลิปตัน ชีโตส โดริโทส เป็นต้น แต่คู่หูที่เป็นเสาหลักคือ เป๊ปซี่ และ เลย์

 

PepsiCo ถือเป็นบริษัทอาหารและเครื่องดื่ม ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก Nestle โดยมีทั้งหมด 22 Brand ในเครือ แต่ละ Brand มีรายได้เกินกว่า $1,000 ล้าน ใน 200 ประเทศทั่วโลกอีกด้วยนะคะ

ในปี 2559 บริษัทมีรายได้รวม $63,000 ล้าน (2.1 ล้านล้านบาท) และกำไร $6,300 ล้าน (2.1 แสนล้านบาท)กันเลยนะคะ

สำหรับในไทย บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง เป็นผู้ผลิต จำหน่าย หรือนำเข้า เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ของ PepsiCo รวมทั้งยี่ห้ออื่นๆด้วย

ส่วนแบ่งตลาด เลย์ และ เป๊ปซี่ ในไทยเป็นอย่างไรมาลองดูกันค่ะ

 

ตลาดขนมขบเคี้ยวไทยปี 2559 มีมูลค่า 39,587 ล้านบาท โดย

– เลย์ มีส่วนแบ่งมากที่สุด 18%
– รองลงมาเป็น สาหร่ายเถ้าแก่น้อย 8%
– ทาโร่ 6%
– และเทสโต 5%

ตลาดน้ำอัดลมไทยปี 2558 มีมูลค่า 63,910 ล้านบาท โดย

– โค้กที่ 36%
– เป๊ปซี่ 17% เป็นอันดับ 2
– เอสโคล่าอยู่ที่ 10%

รายได้ของ เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง

ปี 2555 รายได้ 13,134 ล้านบาท กำไร 1,781 ล้านบาท
ปี 2556 รายได้ 18,148 ล้านบาท กำไร 753 ล้านบาท
ปี 2557 รายได้ 20,475 ล้านบาท กำไร 175 ล้านบาท
ปี 2558 รายได้ 21,316 ล้านบาท กำไร 306 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 22,597 ล้านบาท กำไร 896 ล้านบาท

โดยล่าสุดบริษัทมีทรัพย์สินรวม 14,308 ล้านบาท (ข้อมูลจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)
จากข้อมูล จะเห็นว่า รายได้บริษัทสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่กำไรวูบลงไปพักหนึ่ง อาจเป็นเพราะเมื่อปี 2555 บริษัทมีนโยบายที่จะดำเนินธุรกิจการผลิต และจัดจำหน่ายเป๊ปซี่เอง จึงได้ยกเลิกสัญญากับ บริษัทเสริมสุข ที่เป็น Partner กันมาอย่างยาวนานเกือบ 60 ปี ทำให้ต้องมีค่าใช้จ่าย และใช้เวลาพักใหญ่ในการลงทุนโรงงาน เพื่อผลิตสินค้าสู่ตลาด
ต่อมาบริษัทได้ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า Power of One ในการร่วมกันทำตลาด ระหว่างขนมและเครื่องดื่มในเครือ เช่นจับคู่ เลย์-เป๊ปซี่ จึงอาจจะใช้จ่ายได้คุ้มค่ามากขึ้น ไม่สิ้นเปลือง โฆษณาไปเลยทีเดียว เกิดเป็น Synergy และผลประกอบการดีขึ้นนั่นเองค่ะ

 

หากจะประเมินความใหญ่โตของบริษัทนี้แล้ว ถ้าหากบริษัทนี้อยู่ใน SET จะมีรายได้สูงเป็นอับดับที่ 61 ของตลาด และเป็นอันดับ 5 ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม สูงกว่าหุ้นอย่าง M เอ็มเคสุกี้ (15,498 ล้านบาท)เลยทีเดียวนะคะ ส่วนกำไร จะอยู่ในอันดับที่ 126 ของตลาด และเป็นอันดับ 11 ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม สูงกว่าหุ้นอย่าง โออิชิ (887 ล้านบาท) หรือ เถ้าแก่น้อย (782 ล้านบาท)นั่นเองค่ะ

 

จะเห็นได้ว่า ตลาดเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว นั้นไม่ว่าเป็นประเทศไหน ก็มีขนาดใหญ่ด้วยกันทั้งนั้นนะคะ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริโภคเป็นเรื่องปากท้องของผู้คนนั่นเองค่ะ…

สำรวจ Product Portfolio “เลย์” ในไทย และ Top 3 รสชาติยอดนิยม

ปัจจุบัน Product Portfolio “เลย์” ในประเทศไทย ประกอบด้วย 3 กลุ่มใหญ่ นะคะ ได้แก่

1. เลย์ ต้นตำรับ แบ่งเป็น “เลย์ ร็อค” แผ่นหยัก และ “เลย์ คลาสสิค” แผ่นเรียบ มีกลุ่มเป้าหมายกว้าง ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย

 

 

2. เลย์ สแตคส์ (Lay’s Stax) มันฝรั่งแผ่นเรียบเท่ากับทุกแผ่น บรรจุทั้งในรูปแบบกระป๋อง และถุง กลุ่มเป้าหมายหลักอายุ 15 – 35 ปี

 

 

3. เลย์ แมกซ์ (Lay’s MAX) มันฝรั่งแผ่นหยัก รสชาติเข้มข้น จัดจ้าน มีทั้งแบบถุง และกระป๋อง กลุ่มเป้าหมายหลัก Gen Z อายุ 20 – 30 ปี และคนที่ Young at heart

 

 

ปัจจุบันเลย์ในประเทศไทย มีรสชาติที่วางจำหน่ายถาวร ประมาณ 8 – 10 รสชาติ โดยรสชาติที่ได้รับความนิยมตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี มี 3 รสชาติหลักคือ

– เลย์ รสดั้งเดิมสีเหลือง
– เลย์ โนริสาหร่าย
– เลย์ บาร์บีคิว

ควบคู่กับการออกรสชาติใหม่ที่เป็น Seasoning Flavor เพื่อสร้างความตื่นเต้น ความแปลกใหม่ให้กับแบรนด์เลย์ และผู้บริโภค อย่างเมื่อปีที่แล้ว มีรสชาติใหม่ประมาณ 5 – 6 รสชาติ ซึ่งความถี่ในการออกสินค้าใหม่ ขึ้นอยู่กับผลวิจัย และสถานการณ์ทางการตลาดของแต่ละปีนั่นเองค่ะ

เส้นทางกว่าจะมาเป็นเลย์ รสชาติใหม่ในไทยนั้น เริ่มต้นจาก “ผู้บริโภค” ก่อนเสมอนะคะ โดยจะเกิดจากการทำวิจัย เพื่อศึกษาและทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ว่ามีพฤติกรรม มีไลฟ์สไตล์ หรือการใช้ชีวิตอย่างไร หรือมีความต้องการแบบไหน มีเทรนด์อะไรที่กลุ่มเป้าหมายเซ็กเมนต์นั้นๆ อยากได้ อยากลอง และเทรนด์รสชาติ เพื่อนำ Insights เหล่านี้ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ตอบโจทย์กับสิ่งที่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายมองหา โดยที่แต่ละรสชาติ ต้องมีคาแรคเตอร์ หรือเอกลักษณ์เฉพาะนั่นเองค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น “เลย์ แมกซ์” Sub-brand ที่โฟกัสทาร์เก็ตกลุ่มวัยรุ่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เลย์ แมกซ์ ยิ่งหยัก…ยิ่งมันส์” ดังนั้นแนวทางการพัฒนารสชาติเน้นความเข้มข้น และจัดจ้าน ทั้งสีสัน และรสชาติที่มากกว่าเลย์ปกตินั่นเองค่ะ

 

 

 

ทางกลุ่มธุรกิจอาหารและขนมขบเคี้ยวของเป๊ปซี่-โคล่า ประเทศไทย ทำวิจัยผู้บริโภคไทยกลุ่ม Gen Z พบว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้นั้น มองหาความแปลกใหม่ในชีวิต ความตื่นเต้น และการแสดงออกถึงตัวตน พร้อมทั้งได้ศึกษารสชาติที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้ชอบ หรืออยากลอง ในที่สุดได้ออกมาเป็น 3 รสชาติใหม่ ได้แก่

– รสพริกปีศาจ จากการวิจัยพบว่า ผู้บริโภคอยากลองกินเผ็ดแบบสุดๆ เผ็ดแบบสะใจ ทางฝ่าย R&D จึงได้พัฒนาเป็นรสนี้ขึ้นมา

– รสบาร์บีคิว พริกแซ่บซี้ด ด้วยความที่รสบาร์บีคิว เป็นรสขายดีของเลย์อยู่แล้ว จึงได้นำมาสร้างเป็นรสชาติใหม่ โดยเติมความเผ็ดของพริกเข้าไป แต่ไม่เท่ากับรสพริกปีศาจ เพื่อตอบความต้องการของคนที่ชื่นชอบทั้งรสบาร์บีคิว และรสเผ็ด

– รสกูร์เมต์ ซาวครีมและหัวหอม ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ชอบรสชาติเปรี้ยวหวานของซาวครีมและหัวหอม

 

 

สำหรับ “เลย์ แมกซ์ “ มีในต่างประเทศ แต่สินค้าจะไม่เหมือนกับ “เลย์ แมกซ์ “ ในไทยนะคะ โดยในต่างประเทศจะเป็นมันฝรั่งแผ่นหยักร่องลึก มีความกรอบ และความแข็งแตกต่างจากที่ขายในไทยเลยค่ะ เพราะผลิตภัณฑ์ของเลย์ ไม่ได้เป็น One Size Fit All ที่ขายในประเทศอื่น แล้วยกมาขายในไทยเลย แต่ เลย์ รู้ว่าในแต่ละประเทศคนชอบกินมันฝรั่งแบบไหน รสชาติอะไร

สำหรับ เลย์ แมกซ์ ในไทย เป็นการปรับรูปแบบมันฝรั่ง และทั้ง 3 รสชาติ เลย์ ทำการวิจัย และทดสอบ โดยเอาผู้บริโภคเป็นที่ตั้ง ทำให้ทั้ง 3 รสชาติมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน และแสดงถึงสิ่งที่ผู้บริโภคมองหานั่นเองค่ะ

นอกจากเลย์ แมกซ์ ที่ผ่านมา “เลย์” นำเมนูอาหารไทยยอดนิยม มาพัฒนาเป็นรสชาติใหม่ เช่น เลย์ Thai Taste รสต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวาน พริกเผ็ดซี๊ด ปูผัดผงกะหรี่ และจับมือกับเซเว่น อีเลฟเว่น ทำรสกะเพราไก่ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูอาหารพร้อมรับประทานที่ขายดีของเซเว่น อีเลฟเว่นอีกด้วยนะคะ

 

 

หรือในช่วงต้นปี 2564 ก็ได้นำ Consumer Insights คนไทยชอบกินสตรีทฟู้ด ซึ่งเป็นหนึ่งในวิถีชีวิตคนไทยมายาวนาน มาเป็นคอนเซ็ปต์พัฒนาสินค้าใหม่ “เลย์ชวนฟินกินสตรีทฟู้ด” นำเมนูสตรีทฟู้ดที่คนไทยชอบ มาเป็นรสชาติใหม่ของเลย์ เริ่มด้วยกลิ่นแจ่วฮ้อนหม้อไฟ และ รสมะนาวแซ่บซี๊ดนั่นเองค่ะ

 

 

ความน่าสนใจของสินค้าใหม่นี้ นอกจากวางขายทั่วประเทศแล้ว ด้านการตลาดยัง Hyper Localize ในระดับภูมิภาค ด้วยการเจาะกลุ่มผู้บริโภคอีสานอย่างเข้มข้นกว่าปีที่ผ่านๆ มา เพราะด้วยรสชาติใหม่ ที่เป็นเมนูอาหารอีสาน และอีสานเป็นตลาดใหญ่ที่มีศัยกภาพสูงเลยทีเดียวนะคะ โดยมีโฆษณาบนสื่อออนไลน์ ที่สื่อสารกับผู้บริโภคชาวอีสานโดยเฉพาะอีกด้วยนะคะ

อย่างไรก็ตาม การพัฒนารสชาติใหม่ นอกจากศึกษาวิจัยจากผู้บริโภค และทิศทางตลาดแล้ว แต่ละรสชาติที่พัฒนาขึ้น ต้องศึกษาด้วยว่ารสชาตินั้น จะไปได้ดีกับมันฝรั่งอบกรอบรูปแบบไหน จะเป็นแผ่นหยัก แผ่นเรียบ หรือแบบเลย์ สแตคส์ เนื่องจากมันฝรั่งรูปแบบต่างกัน ก็ให้ Texture ที่แตกต่างกันด้วยนั่นเองค่ะ

 

 

เลย์ มีทั้งแผ่นเรียบ และแผ่นหยัก รูปแบบแผ่นมันฝรั่งอบกรอบแต่ละประเภทไม่เหมือนกันนะคะ รสชาติเข้มข้น พอไปอยู่กับแผ่นหยัก ทำให้ดึงความเข้มข้นออกมาได้มากกว่า ในขณะที่บางรสชาติอยู่กับแผ่นเรียบ ทำให้ได้ความกลมกล่อมมากกว่านั่นเองค่ะ ซึ่งเลย์จะต้องเอาไป Test กับผู้บริโภค จนกว่าจะมั่นใจว่ารสชาตินั้นๆ มีความลงตัวทั้งรสชาติ และ Texture รูปแบบแผ่นมันฝรั่งว่าจะเป็นแผ่นเรียบ หรือแผ่นหยัก หรือสามารถไปได้ดีกับทั้งสองแบบค่ะ…

วิธีการทำตลาดของแบรนด์เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจจนเป็นที่รู้จักทั่วโลกของ เลย์

กลยุทธ์หลักของเลย์ในการทำตลาดนั้น นอกเหนือจาก Price Place Promotion แล้ว จุดแข็งที่สำคัญของเลย์ ในกลยุทธ์ 4Ps คือ P – Product นั่นเองนะคะ ซึ่งกลยุทธ์ P-Product ของเลย์นั้น จะมาในรูปแบบของการที่แบรนด์ มีรสชาติที่หลากหลาย และแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศที่เข้าไปทำตลาดนั่นเองค่ะ

 

 

โดยความหลากหลายของรสชาติเลย์นั้น มีทั้งรสชาติที่ทำออกมาขายตลอดกาล และรสชาติที่เป็นซีซันแนลที่ขายเฉพาะช่วงเวลาเท่านั้นนะคะ ยกตัวอย่างเช่น
– ประเทศไทย จะมี เลย์ รสชาติแกงเขียวหวานไก่  รสเมี่ยงคำ
เลย์ รสมะม่วง รสกีวี่ รสแตงกวา
– ประเทศจีน รัสเซีย มี เลย์ รสไข่ปลาคาเวียร์
– ประเทศโรมาเนีย มี เลย์ รสผักดอง เป็นต้นนะคะ

การที่เลย์มีรสชาติที่หลากหลายเฉพาะประเทศนั้น เป็นการนำเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคแต่ละประเทศอย่างที่สุดเลยนะคะ และยังถือเป็นกลยุทธ์ที่สามารถสร้างความถี่ในการซื้อซ้ำที่มากขึ้นด้วยนะคะ จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความต้องการในรสชาติขนมขบเคี้ยวที่แตกต่างหลากหลายรสชาติ และการมีรสชาติใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ยังเป็นการกระตุ้นความอยากรู้อยากลองของผู้บริโภค ว่ารสชาติที่ออกมาจะคุ้นลิ้น และถูกปากแค่ไหนอีกด้วยนะคะ

 

 

ซึ่งการที่ผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าประจำซื้อรสชาติใหม่ ๆ เพิ่มเติม หรือลูกค้าของคู่แข่งที่เข้ามาซื้อเลย์รสชาติใหม่ ไปทดลองนั่น ก็จัดเป็นอีกหนึ่งในช่องทางในการสร้างยอดขายได้เช่นกันค่ะ จึงทำให้เห็นได้ว่า เลย์นั้นได้ออกมาทำการตลาด เรื่องของรสชาติอย่างต่อเนื่องเสมอมาเลยนะคะ

รวมไปถึงแคมเปญการตลาดที่ดึงผู้บริโภคให้เป็นผู้คิดรสชาติที่อยากให้เลย์ทำออกมาจำหน่าย ก็จัดเป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์ที่ทำให้เลย์มีรสชาติใหม่ ๆ ที่คนในแต่ละประเทศต้องการแล้ว ยังทำให้แบรนด์เลย์ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้นอีกด้วยค่ะ จากการที่ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการคิดค้นรสชาติให้กับแบรนด์ นั่นเองค่ะ

การทำความเข้าใจ และรู้จักผู้บริโภคในตลาดนั้นๆ อย่างลึกซึ้ง เพื่อนำ Local Insights มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ บริการให้สอดคล้องกับบริบทของสังคม วิถีชีวิต หรือไลฟ์สไตล์ วัฒนธรรม ความต้องการ ตอบโจทย์ปัญหาของผู้บริโภค ไปจนถึงเทรนด์ที่เกิดขึ้นในตลาดท้องถิ่นนั้นๆ พร้อมทั้งสามารถปรับเปลี่ยนได้เร็วตามความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตลาดนั้นๆ กลยุทธ์นี้เรียกว่า “Hyper Localization” ซึ่ง “เลย์” (Lay’s) แบรนด์มันฝรั่งกรอบในเครือ PepsiCo เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จกับกลยุทธ์ “Hyper Localization” จนถึงวันนี้ และอยู่ในตลาดโลกมากว่า 80 ปีแล้ว และอยู่ในประเทศไทยขึ้นปีที่ 28 แล้วนะคะ

 

แต่การที่เลย์มีหลากหลายรสชาตินั้น ไม่ใช่มีแต่ข้อดีนะคะ แต่จุดด้อยในการทำตลาดในรูปแบบนี้ คือต้นทุนในการทำ R&D ในการพัฒนารสชาติใหม่ ๆ ที่ในบางครั้งรสชาติที่ออกมาอาจจะไม่โดนใจผู้บริโภค จนต้องเก็บออกจากเชลฟ์ไป โดยที่ยังไม่ทันได้สร้างผลกำไร จากการพัฒนารสชาติ และการผลิตสินค้าออกมาจัดจำหน่ายเลยก็มีนะคะ

3 เหตุผลทำไม “เลย์” ให้ความสำคัญกับการพัฒนารสชาติ

จุดแข็งที่ทำให้ “เลย์” เป็นแบรนด์ขนมขบเคี้ยวที่ผู้บริโภครู้จัก และครองใจมายาวนาน หนึ่งในนั้นคือ การใช้ “Hyper Localization” คือ การยึดผู้บริโภคเป็นที่ตั้ง ศึกษาและทำความเข้าใจผู้บริโภคในแต่ละเซ็กเมนต์ แล้วนำ Local Insights มาพัฒนาตั้งแต่สินค้า ไปจนถึงการตลาด และการเจาะเข้าช่องทางการขาย เมื่อเจาะลึกถึงสินค้า องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ เลย์ สามารถปักหมุดในแต่ละประเทศที่ทำตลาดได้สำเร็จคือ “รสชาติ” ที่แตกต่าง และมีเอกลักษณ์ในแต่ละประเทศ โดยปัจจุบัน เลย์ พัฒนารสชาติมากกว่า 200 รส มีทั้งรสชาติยอดนิยมที่อยู่ถาวร มีขายทั่วโลก เช่น เลย์ ออริจินัลสีเหลือง บาร์บีคิว และรสชาติใหม่ๆ ที่เป็น Seasoning Flavor ออกมาอย่างต่อเนื่อง และเหตุผลสำคัญที่เลย์ให้ความสำคัญกับการพัฒนารสชาติ โดยเฉพาะรสชาติเฉพาะของแต่ละประเทศ ประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลักคือ

1. อาหาร คือ วิถีชีวิต วัฒนธรรม และ Local Taste ในแต่ละท้องถิ่น การนำมันฝรั่งทอดกรอบ ขนมขบเคี้ยวจากตะวันตก มาผสานเข้ากับเมนูอาหารในแต่ละประเทศ หรือเมนูเทรนด์ฮิตที่ผู้บริโภคในตลาดนั้นๆ ให้ความสนใจ

2. การพัฒนารสชาติใหม่ คือ นวัตกรรมใหม่ของแบรนด์ เป็นสิ่งสะท้อนว่าแบรนด์นั้น เป็นแบรนด์ไม่หยุดนิ่ง มีความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง

3. ในตลาดขนมขบเคี้ยว ผู้บริโภคต้องการประสบการณ์ความตื่นเต้น ความแปลกใหม่ และแตกต่าง เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ของตลาดขนมขบเคี้ยว คือ กลุ่มวัยรุ่น ซึ่ง Insights ของผู้บริโภคกลุ่มนี้มองหาสิ่งใหม่ตลอด และกล้าลอง

นอกจากนี้ กลยุทธ์ที่สำคัญของเลย์อีกประการหนึ่งคือ การซื้อแบรนด์คู่แข่งมาฆ่า เพื่อให้หมดคู่แข่งที่แข็งแกร่งในตลาด ยกตัวอย่างเช่น ในอดีต ประเทศไทยมีมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบชื่อ มั้นมัน ที่เป็นเจ้าตลาดในขนมขบเคี้ยวประเภทมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบอยู่ก่อน จากนั้น เลย์ จึงใช้วิธีการซื้อธุรกิจ มั้นมัน มาอยู่ในพอร์ตธุรกิจของตัวเอง ก่อนที่จะค่อย ๆ ฆ่าแบรนด์มั้นมันทิ้งไปจากตลาด เพื่อให้เลย์ทำตลาดได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่มีคู่แข่งหลักอีกต่อไปนั่นเองค่ะ

และเลย์ก็ยังใช้กลยุทธ์นี้ กับการบุกตลาดในอีกหลาย ๆ ประเทศอีกด้วยนะคะ แต่กลยุทธ์ซื้อแบรนด์คู่แข่งของเลย์มาอยู่ในพอร์ต อาจจะไม่ได้เป็นการฆ่าแบรนด์ที่ซื้อมาเสมอไป ถ้าแบรนด์นั้นมีพลังที่มากพอจนแบรนด์เลย์อาจจะไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงความจงรักภักดีที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ได้ ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศอังกฤษ เลย์ได้ซื้อมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบแบรนด์ Walker Crisps ซึ่งเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งมากในตลาด  ประกอบกับคนอังกฤษมีความชาตินิยมสูง และคนอังกฤษบางคนไม่ชอบสินค้าแบรนด์อเมริกา ทำให้เลย์เลือกที่จะเก็บแบรนด์ Walker Crisps ไว้ต่อไป แทนการฆ่า Walker Crisps ออกไปจากตลาดและขายสินค้าผ่านแบรนด์เลย์แทน แต่การเก็บแบรนด์ Walker Crisps ไว้นั้น เลย์ใช้วิธีการเปลี่ยนโลโก้ Walker Crisps ที่มีความละม้ายคล้ายโลโก้เลย์ เพื่อสื่อเป็นนัย ๆ ว่า Walker Crisps ที่คุณกินอยู่นี่ คือเลย์ นั่นเองค่ะ

 

จากกลยุทธ์ต่าง ๆ ของเลย์ ทำให้เลย์เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่สร้างรายได้ให้กับ PepsiCo Inc. เป็นจำนวนมากเลยนะคะ ในปีที่ผ่านมา PepsiCo Inc มีรายได้ 70,372 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.19 ล้านล้านบาท เติบโตจากปี 2020 ที่มีรายได้ 67,161 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.09 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่มอาหาร 55% และกลุ่มเครื่องดื่ม 45%

ส่วนในประเทศไทย เลย์ ทำตลาดภายใต้ บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ PepsiCo

ใน 3 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบกว่า บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด มีรายได้รวม และกำไรดังนี้

2561    13,942.232 ล้านบาท        กำไร 1,146.28 ล้านบาท
2562    11,252.97 ล้านบาท          กำไร 2,209.91 ล้านบาท
2563    11,226.09 ล้านบาท          กำไร 2,454.28 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยในปีที่ผ่านมามูลค่า 33,731 ล้านบาท ลดลง 8.4% จากเศรษฐกิจชะลอตัว โดยมันฝรั่งเป็นกลุ่มที่มีเซกเมนต์ใหญ่สุดในตลาดนี้มีมูลค่าลดลง 2-3%…

ประวัติที่น่าสนใจของ “ เลย์ “ แบรนด์มันฝรั่งที่เกิดจากชายที่เรียนไม่จบ

 

เมื่อพูดถึง “ เลย์ “ คงไม่มีใครไม่รู้จักนะคะ และคิดว่าทุกคนคงมีรสโปรดอยู่ในใจกันแน่ๆเลยค่ะ เพราะ เลย์ คือ ขนมขบเคี้ยวประเภทมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบหรือ Potato Chip ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุคนี้เลยนะคะ แต่รู้ไหมคะ ว่ากว่าจะมาเป็น เลย์ ที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้นั้น อาณาจักรเลย์ ที่ยิ่งใหญ่ในวันนี้ เกิดจากชายที่เรียนไม่จบมหาวิทยาลัย ที่ชื่อ Herman W. Lay นั่นเองค่ะ ดังนั้นบทความนี้จะพามารู้จัก กับผู้ชายที่สร้างอาณาจักรเลย์ ที่ยิ่งใหญ่ และความเป็นมาของ เลย์ กันนะคะ ตามมาดูไปพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ

 

 

Herman W. Lay คือชายชาวอเมริกัน ที่เกิดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1909 ที่เมืองชาร์ลอตต์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา โดยในช่วงปี 1920 เขาเป็นนักศึกษาทุนมหาวิทยาลัย Furman University แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ Herman W. Lay นั้นได้เรียนในรั้วมหาวิทยาลัยแค่เพียง 2 ปี ก็ลาออกมาทำงานหารายได้ให้กับตัวเองแล้ว โดยเขาได้เป็นเซลส์แมนขายบิสกิตในตอนแรก และได้เปลี่ยนมาเป็นเซลส์แมน ขายมันฝรั่งทอดให้กับบริษัท Barrett Food Company

 

 

โดยการขายของนั้น Herman W. Lay ได้ทำการการขับรถฟอร์ด โมเดล เอ วิ่งขายในรัฐจอร์เจีย ซึ่งจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตของ Herman W. Lay ที่ได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้น ของมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบเลย์ เกิดขึ้นมาจากในปี ค.ศ. 1932 นั้น Herman W. Lay ได้กำเงินเพียง 100 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อมาเปิดบริษัทตัวเองที่มีชื่อว่า “ H.W. Lay Distributing Company “ เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่าย ให้กับมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบของบริษัท Barrett Food Company

 

 

และในปี 1938 เขาได้ซื้อกิจการของ Barrett Food Company ซึ่งใช้เวลาแค่เพียง 6 ปีเท่านั้นนะคะ พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “ H.W. Lay & Company “ เพื่อขายมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ “แบรนด์เลย์” โดยมีรสแรก นั่นก็คือ มันฝรั่งแผ่นทอดกรอบโรยเกลือ หรือรสออริจินัลในปัจจุบันนั่นเองนะคะ และต่อมาก็ตามมาด้วยรสบาร์บีคิว และซาวครีมหัวหอมนั่นเองค่ะ

 

หลังจากเปิดตัวมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบเลย์ได้ไม่นาน Herman W. Lay  มองว่าชื่อบริษัท “ H.W. Lay & Company “ เป็นชื่อที่ยาวเกินไป จดจำค่อนข้างยาก จึงได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “ Lays “ เพื่อการจดจำได้ง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ

จนกระทั่งผ่านมาอีก 23 ปีหลังจากซื้อกิจการ ในปี 1961 Herman W. Lay ได้พบกับความยิ่งใหญ่ของการเริ่มต้นแบรนด์มันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ เลย์ ด้วยการจับมือร่วมกับคู่แข่งอย่าง Charles Elmer Doolin เจ้าของขนมขบเคี้ยวประเภทข้าวโพดอบกรอบแบรนด์ Fritos เปิดเป็นบริษัท “ Frito-Lay “

 

ความร่วมมือที่เกิดขึ้นได้แก่

– การรวมพลังสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจด้านช่องทางจัดจำหน่ายให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจาก Lays และ Frito มีช่องทางการขายที่แข็งแกร่งคนละพื้นที่

– โดยบริษัท Lays จะช่วยขายขนม Frito ในพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่บ้านเกิดของบริษัท Lays ที่เกิดในรัฐจอร์เจีย

– ส่วน Fritos ได้รับสิทธิ์ขายมันฝรั่งทอดกรอบเลย์ ในตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของธุรกิจ Fritos ที่เกิดในแซนแอนโทนีโอ รัฐเทกซัส

หลังจากที่ทั้งคู่ได้ผนึกกำลังขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เช่น การนำเลย์รุกตลาดเพื่อนบ้านอย่างแคนาดาในปี 1962 และเพียงอีกไม่กี่ปีต่อมา “ Frito-Lay “ ก็ได้พบกับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนกลายเป็นผู้นำในตลาดมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบในปัจจุบันนั่นเองค่ะ และด้วยการเข้าร่วมกับบริษัท Pepsi-Cola ผู้ผลิตน้ำอัดลมเป๊ปซี่ และทำการตลาดในชื่อบริษัท PepsiCo

 

จากการที่ Frito-Lay รวมกับ PepsiCo นั้น ยังส่งผลทำให้ Lays มีพลังในการทำตลาดมากยิ่งขึ้นอีกด้วยนะคะ ด้วยการลงโฆษณาเลย์ทางทีวีครั้งแรกในปี 1966 เพื่อให้ชาวอเมริกันรู้จักเลย์ มากยิ่งขึ้นอีกด้วยนะคะ ซึ่งการโฆษณาของเลย์ทางทีวีนั้น ยังเป็นครั้งแรกในวงการโฆษณาอเมริกา ที่แบรนด์ขนมขบเคี้ยวมีโฆษณาทางทีวีอีกด้วยเช่นกันค่ะ

สำหรับในประเทศไทย เลย์ ทำตลาดภายใต้ บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ PepsiCo นะคะ

ใน 3 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบกว่า บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด มีรายได้รวม และกำไรดังนี้ค่ะ

ปี 2561    13,942.232 ล้านบาท        กำไร 1,146.28 ล้านบาท
ปี 2562    11,252.97 ล้านบาท          กำไร 2,209.91 ล้านบาท
ปี 2563    11,226.09 ล้านบาท          กำไร 2,454.28 ล้านบาท

ทั้งนี้ตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยในปีที่ผ่านมามูลค่า 33,731 ล้านบาท ลดลง 8.4% จากเศรษฐกิจชะลอตัว โดยมันฝรั่งเป็นกลุ่มที่มีเซกเมนต์ใหญ่สุดในตลาดนี้มีมูลค่าลดลง 2-3%

ที่มา : https://marketeeronline.co…

ส่งใบเสร็จลุ้นโชคกับ “ตะวัน กินกับอะไรก็อร่อย “ ที่ Makro ทั่วไทย หมดเขต 16 พ.ค. 2566 นี้

 

เงื่อนไขการร่วมสนุกกับกิจกรรม “ตะวันแจกทั่วไทย มอเตอร์ไซค์ 5 คัน 5 ภาค”
กิจกรรม “ตะวันแจกทั่วไทย มอเตอร์ไซค์ 5 คัน 5 ภาค”  จัดขึ้นโดย บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด

ระยะเวลาร่วมกิจกรรม

การจัดรายการนี้ มีระยะเวลาร่วมกิจกรรม ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2566 เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 16 พฤษภาคม 2566 เวลา 23.59 น. นะคะ

 

 

เงื่อนไขและรายละเอียดการร่วมกิจกรรม

 

1. วิธีการและช่องทางการร่วมสนุก
ผู้ร่วมกิจกรรมที่ซื้อสินค้าที่ร่วมรายการ (รายละเอียดด้านล่าง) จากร้านค้าชั้นนำ เฉพาะ แม็คโคร ครบ 199 บาทขึ้นไป (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) / ใบเสร็จซึ่งเป็นใบกำกับภาษีอย่างย่อ หรืออย่างเต็ม ที่พิมพ์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ของร้านค้าชั้นนำที่ระบุเท่านั้น และเข้าร่วมกิจกรรม ลงทะเบียนผ่านทาง LINE ID @snackpromo โดยผู้ร่วมรายการต้องกดเพิ่มเพื่อน และลงทะเบียน พิมพ์ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ เลือกภูมิลำเนาของผู้ร่วมรายการ พร้อมส่งรูปใบเสร็จจากการซื้อสินค้า (ฟรีไม่เสียค่าบริการในการส่งร่วมรายการ) โดย 1 เลขที่ใบเสร็จ ถือเป็น 1 สิทธิ์ในการลุ้นรางวัล โดยใบเสร็จที่สามารถนำมาร่วมสนุกได้ ต้องเป็นใบเสร็จทีมีรายการเป็นใบกำกับภาษีอย่างย่อ หรืออย่างเต็มตามที่กรมสรรพากรกำหนด และพิมพ์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ของร้านค้าชั้นนำที่ระบุ สำหรับการซื้อขายสินค้าที่ร่วมรายการ และส่งข้อมูลเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อรับสิทธิ์ในการลุ้นรางวัล ภายในวันที่ 19 เมษายน 2566 ถึงวันที่ 16 พฤษภาคม 2566 เท่านั้น
สินค้าต่างๆที่ร่วมรายการ
***สินค้าที่เข้าร่วมรายการ ข้าวเกรียบ ตะวัน ขนาดใด รสใดก็ได้ ที่วางจำหน่ายในร้านค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น ***

2. เมื่อครบตามกำหนดระยะเวลาการร่วมสนุก บริษัทฯ จะดึงข้อมูลออกจากระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทดังกล่าว นำมาจัดพิมพ์ (1) เลขที่ใบเสร็จ (2) ชื่อ-นามสกุล (3) เบอร์โทรศัพท์ (4) ภูมิลำเนาของผู้ร่วมรายการ ที่ลงทะเบียนทาง LINE ID @snackpromo พิมพ์ออกมา และตัดเป็นชิ้นส่วน แล้วนำมาจับรางวัล ตามวันและเวลาที่บริษัทฯ กำหนดต่อไป ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำหนดการร่วมกิจกรรมระหว่างวันที่ 19 เมษายน 2566 ถึงวันที่ 16 พฤษภาคม 2566 ตามที่ระบุด้านล่าง หากท่านใดส่งใบเสร็จ ภายหลังจากระยะเวลาที่ร่วมกิจกรรมจะไม่สามารถร่วมกิจกรรมได้ทั้งสิ้น

3. ผู้โชคดีท่านใดที่มีชื่อได้รับรางวัลไปแล้ว จะถูกตัดสิทธิลุ้นรับรางวัลอื่นๆ ทั้งนี้ 1 ชื่อ และ 1 เบอร์โทรศัพท์สามารถร่วมสนุกได้กี่สิทธิก็ได้ตลอดระยะเวลาการร่วมรายการ และสามารถลุ้นสิทธิโดยไม่จำกัดจำนวนในการจับรางวัลในแต่ละครั้ง แต่สงวนสิทธิได้รับรางวัลเพียงรางวัลเดียว ตลอดรายการ (โดยบริษัทฯ พิจารณาเฉพาะใบเสร็จที่ส่งมาต้องไม่ซ้ำกัน)

4. ผู้ร่วมรายการจะต้องเก็บรักษาใบเสร็จฉบับจริงที่มีสภาพสมบูรณ์และยังสามารถมองเห็นรายละเอียดเลขที่ใบเสร็จและการซื้อสินค้าได้ครบอย่างครบถ้วน ไว้เป็นหลักฐานในการรับรางวัล โดยต้องเป็นใบเสร็จฉบับเดียวกันกับที่ถ่ายรูปและส่งเข้ามาในระบบ LINE ID @snackpromo เมื่อครบตามกำหนดระยะเวลาการร่วมกิจกรรม

5. คุณสมบัติผู้ร่วมกิจกรรม เป็นบุคคลสัญชาติไทย ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่จำกัดเพศ การศึกษา มีที่อยู่ในประเทศไทย และมีบัญชีผู้ใช้ Line เป็นของตัวเอง
รายละเอียดระยะเวลา ของรางวัล การจับของรางวัล  และการประกาศของรางวัล
กิจกรรมนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2566 ถึงวันที่ 16 พฤษภาคม 2566 จับรางวัล วันที่ 23 พฤษภาคม 2566 เวลา 10.00 น. จำนวน 1 ครั้ง ที่ บริษัท ลัคกี้วัน กรุ๊ป จำกัด เลขที่ 3/16 โครงการคิวบิส ซอยนนทบุรี 48 ถนนสนามบินน้ำ ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง นนทบุรี 11000 โดยบริษัทฯ หรือตัวแทนที่ได้รับมอบหมาย  และมีกำหนดประกาศผู้โชคดี ผ่านทาง LINE ID @snackpromo ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 ภายในเวลา 18.00 น.

รางวัล
รถมอเตอร์ไซค์ Honda Wave 110i จำนวน 5 รางวัล (ภาคละ 1 รางวัล) มูลค่ารางวัลละ 43,700 บาท รวมมูลค่า 218,500 บาท

รวมมูลค่าของรางวัลตลอดรายการจากการจับรางวัล 1 ครั้ง ทั้งสิ้น 218,500 บาท  (โดยไม่มีเงินสดเป็นส่วนประกอบ)

 

 

การยืนยันตัวตนและรับของรางวัล

 

 

1. ในการติดต่อรับรางวัล ผู้โชคดีที่มีสิทธิได้รับรางวัล ต้องยืนยันสิทธิ์ ภายใน 18.00 น. ของวันถัดจากวันที่ประกาศผลรางวัล เท่านั้น (โดยบริษัทฯ ไม่มีหน้าที่ติดต่อกลับเพื่อแจ้งผลให้ผู้โชคดีรับทราบไม่ว่ากรณีใดๆ) โดยกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มการยืนยันสิทธิ์และรับของรางวัล และเอกสารขอความยินยอมก่อนยืนยันข้อมูล (ตามแบบฟอร์มที่บริษัทฯ กำหนด) เพื่อวัตถุประสงค์ในการที่บริษัทฯ จะได้ตรวจสอบ ยืนยันตัวตนผู้โชคดี และเพื่อการรับมอบของรางวัล ด้วยตนเอง

2. หากผู้โชคดีไม่ยืนยันสิทธิ์การรับรางวัลพร้อมทั้งแสดงหลักฐานตามที่บริษัทฯ ร้องขอได้ครบถ้วน เข้ามาตามวิธีการ ภายในระยะเวลาที่กำหนด ไม่ว่าโดยเหตุใดๆ ก็ตาม จะถือว่าผู้โชคดีสละสิทธิ์ในการรับรางวัล ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการมอบรางวัลดังกล่าว ให้แก่ผู้โชคดีสำรองถัดไป และถือว่าผู้โชคดีได้สละสิทธิ์การแลกรางวัลโดยไม่ต้องบอกกล่าวใดๆ อีก

3. ผู้โชคดีที่ได้ยืนยันสิทธิ์ในการรับรางวัล ทางบริษัทฯ หรือตัวแทนของบริษัทฯ จะจะนัดหมายวัน เวลาและสถานที่กับผู้โชคดีเพื่อการรับมอบของรางวัล โดยจะดำเนินการมอบของรางวัลภายใน 45 วันทำการ นับจากวันที่ประกาศผลรางวัลและหลังจากที่การตรวจสอบเพื่อยืนยันตัวตนเสร็จสิ้น โดยบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใดๆ จากเหตุที่ผู้โชคดีไม่มารับรางวัลภายในระยะเวลาที่กำหนดข้างต้น สถานที่อยู่หรือข้อมูลอื่นใดที่ทางผู้โชคดีที่ได้รับรางวัล ได้ให้ข้อมูลไว้ไม่ถูกต้อง

4. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ให้รางวัลเฉพาะแก่ผู้โชคดี/ผู้ร่วมรายการ/ผู้รับรางวัล ที่มีคุณสมบัติและยอมรับและปฏิบัติตามเงื่อนไขของบริษัทฯ และสามารถรับโอนกรรมสิทธิ์ในของรางวัลได้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น

5. บริษัทฯ มีสิทธิ์ที่จะระงับหรือเรียกคืนรางวัล โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ในกรณีที่ตรวจสอบพบว่า ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัล มีคุณสมบัติไม่ถูกต้องครบถ้วน หรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด หรือไม่สามารถรับโอนของรางวัลได้ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด บริษัทฯ จะทำการติดต่อผู้โชคดีสำรองถัดไป และ/หรือ บริจาคให้องค์กรสาธารณกุศลต่อไป
ข้อตกลงอื่นๆ
1. กำหนดประกาศผู้โชคดี วันที่ 30 พฤษภาคม 2566 ผ่านทาง LINE ID @snackpromo เท่านั้น โดยผู้จัดกิจกรรมไม่มีหน้าที่แจ้งผลไปยังผู้โชคดีแต่ละรายแต่อย่างใด
2. ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลมูลค่าตั้งแต่ 1,000 บาท ขึ้นไป จะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 5 % ให้เป็นไปตามคำสั่งของ กรมสรรพากร ที่ ท.ป. 101/2544 ซึ่งผู้โชคดีจะต้องนำเงินสดมาชำระโดยไม่สามารถหักจากมูลค่าของของรางวัลได้ หากผู้โชคดีไม่ชำระภาษีดังกล่าวภายในระยะเวลาที่กำหนด จะถือว่าผู้โชคดีสละสิทธิ์ในการรับรางวัล
3. ผู้โชคดีจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับของรางวัล การรับของรางวัลและการเข้าร่วมกิจกรรมนี้ด้วยตนเองทั้งสิ้น รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงค่าจดทะเบียนรถ ค่าประกันภัย ค่าจัดทำพรบ. ค่าเดินทาง ภาษีและค่าธรรมเนียม ฯลฯ
4. บริษัทฯ ไม่รับประกันความพึงพอใจในของรางวัล รวมทั้ง จะไม่รับผิดชอบใดๆ เกี่ยวกับคุณภาพของรางวัล และความสูญหาย หรือเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับ และ/หรือ เนื่องจากของรางวัลไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ความสูญหายและเสียหายจากการขนส่งหรือส่งมอบของรางวัล
5. การเข้าร่วมรายการนี้ถือว่าผู้ร่วมรายการ/ผู้รับรางวัล ตกลงยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขของกิจกรรมส่งเสริมการขายนี้ทุกประการ รวมทั้งยินยอมและให้ความร่วมมือในกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง และลงนามในเอกสารใดๆ ตามกฎหมายในรูปแบบที่ทางบริษัทฯ กำหนด

6. การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด และไม่สามารถโต้แย้ง หรือเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าทางใดๆ

7. หากพบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น หรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดไม่ว่าในกรณีใด ๆ จะตัดสิทธิ์การเข้าร่วมการจับรางวัลหรือรับของรางวัลโดยอัตโนมัติ โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าและจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด

8. บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติม ข้อกำหนดและเงื่อนไขรายการ สิทธิประโยชน์ และของรางวัลในรายการ รวมถึงยกเลิก ยืดขยาย หรือถอนกิจกรรมนี้ได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ร่วมรายการ/ผู้รับรางวัล แต่อย่างใด

9. พนักงาน และบุคคลในครอบครัวของพนักงาน Pepsi-Cola (Thai) Trading Co., Ltd., PepsiCo Service Asia Ltd., Suntory PepsiCo Beverage (Thailand) Co., Ltd., บริษัท ลัคกี้วันกรุ๊ป จำกัด รวมถึงตัวแทนของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องในรายการนี้ ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมและรับรางวัลในรายการนี้

10. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาตัวตนจริงของผู้รับรางวัล (ทั้งก่อน หรือภายหลังการให้รางวัล) ไม่ว่าจะใช้บัญชี LINE ID ชื่อบัญชีใดก็ตาม  หรือใช้เบอร์โทรศัพท์กี่เบอร์ก็ตาม

11. บริษัทฯ จะพิจารณาใบเสร็จซึ่งเป็นใบกำกับภาษีอย่างย่อ หรืออย่างเต็ม ที่พิมพ์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ของร้านค้าชั้นนำที่ระบุเท่านั้น

12. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงของรางวัลในมูลค่าที่เท่ากัน หรือใกล้เคียงกัน โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และไม่ต้องได้รับความยินยอม และไม่ต้องแจ้งให้ผู้ร่วมกิจกรรมทราบล่วงหน้า

13. รูปของรางวัลที่ปรากฏในข่าวประชาสัมพันธ์ โปสเตอร์ โฆษณา บรรจุภัณฑ์หรืออื่นใดนั้นเป็นเพียงภาพตัวอย่างเพื่อการโฆษณาเท่านั้น ของรางวัลจริงนั้นอาจแตกต่างไปจากที่ปรากฏได้

14. ของรางวัลต่างๆ ที่มอบให้กับผู้ชนะรางวัลนั้นไม่สามารถโอนสิทธิ์ให้แก่ผู้อื่น และไม่สามารถเปลี่ยน หรือแลกเป็นเงินสด หรือของรางวัลอื่นได้

15. บริษัทฯ ไม่รับผิดใดๆ ต่อการสูญเสีย หรือเสียหายอันเกิดมาจากเหตุธรรมชาติ การกระทำของภาครัฐ หรือเหตุสุดวิสัยอื่นใดก็ตาม โดยบริษัทฯ ไม่รับผิดในการชดใช้ค่าทดแทนใดๆ หรือค่าอื่นใดสำหรับการสูญเสียดังกล่าว

16. บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อการสูญหาย หรือการถูกโจรกรรมข้อมูลของผู้ร่วมกิจกรรม และ/หรือ ผู้ชนะการประกวด อันเนื่องจากปัญหาของระบบหรือเทคนิค การใช้ social media หรือจากการกระทำของบุคคลที่สามแต่อย่างใด

17. กิจกรรมนี้อยู่ภายใต้การบังคับของกฎหมายประเทศไทย หากเกิดข้อขัดแย้งใดๆ ขึ้น ไม่ว่าในกรณีใดก็ตามผู้ร่วมกิจกรรมสละสิทธิ์ทั้งปวงในการเรียกร้องค่าเสียหายทั้งโดยปกติ และเชิงลงโทษ ค่าเสียหายที่เป็นผลโดยตรงจากการผิดสัญญา ค่าเสียหายที่เป็นผลสืบเนื่องจากการผิดสัญญา ค่าทนายความอันสมเหตุสมผล และสิทธิ์ในการรับสิ่งอื่นใดเพื่อเป็นการตอบแทนหรือแทนที่รางวัลเหล่านี้

18. ผู้ร่วมกิจกรรมยินยอมให้ บริษัทฯ มีสิทธิ์อย่างสมบูรณ์ ในการใช้และ/หรือดัดแปลง แก้ไข ภาพทั้งหมดที่ส่งเข้าร่วมกิจกรรมโดยการอัพโหลดทาง LINE และ/หรือ …

“เลย์ เวรี่ไทย 2in1 อร่อยทั่วไทย จัดจ้านทุกเทศกาล “

 

ใครเห็นก็ว่าแซ่บ ไฟลุกกันเลยทีเดียวค่ะ เพราะสงกรานต์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี้ เลย์เวรี่ไทย 2in1 ได้สาดความแซ่บ กระจายทั่วไทยกับมิสกวักลุคใหม่! พร้อมแจกจ่ายความสนุกสุดมันส์ ทั่วทั้งกรุงเทพ-เชียงใหม่-ขอนแก่น-บางแสน ด้วยรสชาติแซ่บซี้ดสะบัด จัดจ้านถึงใจ แถมม่วนจอยกันยาวไปยาวไปได้ทุกเทศกาล กันเลยทีเดียวค่ะ

 

 

เลย์ จัดเต็มต้อนรับกับ 4 รสชาติ.ใหม่ สไตล์เวรี่ไทย หลังจากได้เปิดตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่ล่าสุดของเลย์ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” มาร่วมแคมเปญ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยดึงเอกลักษณ์ความจัดจ้าน แซ่บ ครบรส จากเมนูยอดนิยม เวรี่ไท๊ยเวรี่ไทย และนำเสนอในรูปแบบของเลย์นั่นเองค่ะ ตามมาแซ่บไปพร้อมกันเลยดีกว่านะคะ กับ 4 รสชาติของ “เลย์ เวรี่ไทย 2in1 อร่อยทั่วไทย จัดจ้านทุกเทศกาล” กันเลยค่ะ

 

 

เลย์ เวรี่ไทย 2in1 อร่อยทั่วไทย กับ 4 รสชาติ แซ่บจี๊ดถึงใจ

 

แซ่บนัมเบอร์ 1 ได้แก่ เลย์ เวรี่ไทยต้มยำมันกุ้งหม้อไฟ

ถึงเครื่องต้มยำแท้ๆ มันกุ้งเน้นๆ หอม ขิงข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด นัวมันกุ้ง จนอยากจะซดหมดถุงกันเลยทีเดียวค่ะ

ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณ มันฝรั่ง 63.5%, น้ำมันพืช 29.5%, เครื่องปรุงรส 7% แต่งกลิ่นธรรมชาติ แต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ ไม่ใช้วัตถุกันเสีโภชนาการ <คุณค่าทางโภชนาการต่อ 1 ซอง ควรแบ่งกิน 2 ครั้ง พลังงา320กิโลแคลอรี่*16%, น้ำตาล 2กรัม*3%, ไขมัน18กรัม*28%, โซเดียม 280มิลลิกรัม*14% *คิดเป็นร้อยละของปริมาณสูงสุดที่บริโภคได้ต่อวัน** บริโภคแต่น้อยและออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ

แซ่บนัมเบอร์ 2 ได้แก่ เลย์ ก๋วยเตี๋ยวเรือทรงเครื่อง

มันฝรั่งแท้ทอดกรอบแผ่นเรียบ เลย์ รสก๋วยเตี๋ยวเรือทรงเครื่อง เข้มข้นจัดจ้าน หอมกลิ่นโหระพา อร่อยแบบไม่ต้องปรุงกันเลยค่ะ

(ข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร: มีนม และถั่วเหลือง) ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณ มันฝรั่ง 59%, น้ำมันพืช 34%, เครื่องปรุงรส 7% แต่งกลิ่นธรรมชาติ แต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ ไม่ใช้วัตถุกันเสีย โภชนาการ<คุณค่าทางโภชนาการต่อ 1 ซอง ควรแบ่งกิน 2 ครั้ง พลังงาน320กิโลแคลอรี่*16%, น้ำตาล 2กรัม*3%, ไขมัน 20กรัม*31%, โซเดียม 280มิลลิกรัม*14% *คิดเป็นร้อยละของปริมาณสูงสุดที่บริโภคได้ต่อวัน บริโภคแต่น้อยและออกกำลักายเพื่อสุขภาพ

แซ่บนัมเบอร์ 3 ได้แก่ เลย์ 2IN1 กลิ่นไก่ย่างเตาถ่านและรสส้มตำ

เลย์ มันฝรั่งแท้ทอดกรอบแผ่นเรียบ กลิ่นไก่ย่างเตาถ่านและรสส้มตำ กินคนเดียวก็โดน ยิ่งแบ่งกันกินเป็นกลุ่มก็ยิ่งอร่อย เพลิดเพลินระหว่างทำกิจกรรมไปพร้อมกับเลย์แผ่นเรียบกลิ่นไก่ย่างเตาถ่านและรสส้มตำ

– รสชาติส้มตำจัดจ้านหอมกลิ่นไก่ย่างเตาถ่าน
– กินคู่กับอะไรก็อร่อย
– หนึ่งในขนมขบเคี้ยวยอดนิยมที่กินได้ในทุกช่วงเวลา
– เพลิดเพลินไปกับเมนูยอดฮิตของคนไทย

ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณ มันฝรั่ง 60%, น้ำมันพืช 33%, เครื่องปรุงรส 7% แต่งกลิ่นธรรมชาติ แต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ แต่งกลิ่นสังเคราะห์ ไม่ใช้วัตถุกันเสีย
โภชนาการ คุณค่าทางโภชนาการต่อ 1 ซอง ควรแบ่งกิน 2 ครั้ง พลังงาน340 กิโลแคลอรี่*17%, น้ำตาล 2กรัม*3%, ไขมั20กรัม *31%, โซเดียม 270มิลลิกรัม*14% *คิดเป็นร้อยละของปริมาณสูงสุดที่บริโภคได้ต่อวัน

แซ่บนัมเบอร์ 4 ได้แก่ เลย์2IN1 กลิ่นปีกไก่ทอดและรสซอสพริกศรีราชา

เลย์ มันฝรั่งแท้ทอดกรอบแผ่นหยัก กลิ่นปีกไก่ทอดและรสซอสพริกศรีราชา

– รสชาติซอสพริกศรีราชาจัดจ้านหอมกลิ่นปีกไก่ทอด
– กินคู่กับอะไรก็อร่อย
– หนึ่งในขนมขบเคี้ยวยอดนิยมที่กินได้ในทุกช่วงเวลา
– เพลิดเพลินไปกับเมนูยอดฮิตของคนไทย

ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณ มันฝรั่ง 62%, น้ำมันพืช 31%, เครื่องปรุงรส 7% แต่งกลิ่นธรรมชาติ แต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ แต่งกลิ่นสังเคราะห์ ไม่ใช้วัตถุกันเสีย โภชนาการ คุณค่าทางโภชนาการต่อ 1 ซอง ควรแบ่งกิน 2 ครั้ง พลังงาน320 กิโลแคลอรี่*16%, น้ำตาล 2กรัม*3%, ไขมัน 18กรัม*28%, โซเดียม 270มิลลิกรัม*14% *คิดเป็นร้อยละขอปริมาณสูงสุดที่บริโภคได้ต่อวัน บริโภคแต่น้อยและออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ

 

มาลิ้มลองรสชาติแห่งความสนุกของ “เลย์เวรี่ไทย”กันได้เลยนะคะทุกคน รับรองว่าแซ้บซี้ดถูกใจ คนไทยอย่างแน่นอนเลยค่ะ

 

#เลย์ชวนฟินกินเมนูยอดฮิตแบบไทยๆอร่อยเด็ดไม่แพ้ชาติใดในโลก#เลย์เวรีไทย #เลย์2in1อร่อยยาวไปยาวไป…

Scroll to Top